ไข่ผำสามารถทำกำไรได้ถึง 49,600 บาทต่อไร่ต่อปี ซึ่งสูงกว่าพืชเศรษฐกิจหลักไทย เช่น ปาล์ม,มันสำปะหลัง, อ้อย, ยางพารา และข้าว หลายเท่าตัว แต่ยังเป็นรองทุเรียนที่สามารถทำกำไรได้ราว 100,000 บาทต่อไร่ต่อปี อย่างไรก็ดี ไข่ผำสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากเริ่มเพาะเลี้ยง
ทั้งนี้ ไข่ผำเป็นหนึ่งในผักที่มีโปรตีนสูงถึง 50% ของน้ำหนักเมื่อนำไปตากแห้ง นอกจากนี้ ไข่ผำ 1 ถ้วย มีวิตามิน B12 เทียบเท่ากับไข่ไก่ถึง 12 ฟอง ซึ่งโดยปกติแล้ววิตามิน B12 จะมาจากเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นส่วนใหญ่ จึงได้รับความนิยมสำหรับผู้ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่รักสุขภาพมากขึ้น
ไข่ผำได้รับอานิสงส์จากการเติบโตในตลาดโปรตีนที่ทำจากพืชตระกูลแหน (แหนใหญ่ แหนเล็ก ไข่ผำ เป็นหลัก) โดยในปี 2025 คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดโลกอยู่ที่ 98.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2034 จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 244.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 10.6% (CAGR) จากปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ การเติบโตของเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรง การที่ผู้คนหันมาสนับสนุนความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ยอมรับจากทางสหภาพยุโรป ทำให้ผู้คนมองเห็นถึงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการรับประทาน
ข่าวเด่น