
นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เป็นผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะ Head of Mission ในคณะกรรมการด้านการเกษตร (Committee for Agriculture: COAG) เข้าร่วมการประชุมเกษตรโลก (Global Forum on Agriculture: GFA) ประจำปี 2568 และการประชุมคณะกรรมการด้านการเกษตร (COAG) ครั้งที่ 186 ระหว่างวันที่ 28 - 30 ตุลาคม 2568 ณ สำนักงานใหญ่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีผู้แทนระดับสูงจาก 38 ประเทศสมาชิก และประเทศที่อยู่ระหว่างกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูล

การประชุมเกษตรโลก (GFA) ประจำปี 2568 เป็นเวทีหารือระดับนโยบายเกษตรกรรม ซึ่งในแต่ละปีจะมีหัวข้อหารือแตกต่างกัน โดยในปีนี้วาระที่ถูกหยิบยกในการหารือ คือ ประเด็นรับมือกับความท้าทายสำคัญในภาคเกษตร จากปัญหาเกษตรกรสูงวัย การสืบทอดอาชีพเกษตร การเพิ่มความน่าสนใจของภาคเกษตรสำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ โอกาสในยุคดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นประเด็นการเสริมสร้างความยั่งยืน ภายใต้ปฏิญญาว่าด้วยแนวทางแก้ไขสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อการเกษตรและระบบอาหารที่ยั่งยืน

โอกาสนี้ รองเลขาธิการ สศก. ได้ถูกเชิญให้ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่เพื่ออนาคตของภาคเกษตร” โดยได้นำเสนอการยกระดับศักยภาพเกษตรกรไทยผ่านการพัฒนา เกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) และเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ ทักษะการบริหาร การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ตลอดจนส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการเกษตรเชิงธุรกิจ และพัฒนากลไกทางการเงิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน อันเป็นเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเกษตรไทยสู่การเป็น "ครัวโลก"

ขณะที่การประชุมคณะกรรมการด้านการเกษตร (COAG) ครั้งที่ 186 เป็นเวทีการประชุมติดตามผลการดำเนินงานสำคัญปี 2568 และกำหนดทิศทางความร่วมมือในระยะต่อไป โดยปีนี้หนึ่งในประเด็นที่ OECD ให้ความสำคัญ คือ การศึกษาวิธีการลดความหลากหลายในการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับฟาร์ม ซึ่งฝ่ายเลขานุการ OECD ได้นำเสนอแนวทาง 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ (1) ให้รัฐบาลแต่ละประเทศพัฒนาวิธีอ้างอิงระดับชาติ (Reference method) สำหรับการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) (2) ผู้เชี่ยวชาญระดับชาติจัดกระบวนการทบทวนร่วมกัน (Peer review) และ (3) ระบุจุดเหมือนและต่างของแต่ละแนวทางโดยพิจารณาเงื่อนไขเฉพาะของประเทศ ซึ่งประเทศสมาชิก OECD ส่วนใหญ่สนับสนุนทั้ง 3 ขั้นตอน โดยเห็นควรเริ่มต้นจากแนวทางภายในประเทศก่อนต่อยอดสู่ความร่วมมือระหว่างประเทศ และคำนึงถึงบริบทเฉพาะของแต่ละประเทศ

ในส่วนของประเทศไทย รองเลขาธิการ สศก. ได้กล่าวขอบคุณและสนับสนุนโครงการความร่วมมือ AgriDENZ ระหว่างเยอรมนีและนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นการศึกษาจุดเหมือนและต่างของแต่ละแนวทางการคำนวณการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ระดับฟาร์มของสินค้าปศุสัตว์ โดยพิจารณาเงื่อนไขเฉพาะของ 2 ประเทศ และพัฒนาแนวทางในการบูรณาการ วิธีการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดความหลากหลายในการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับฟาร์ม ซึ่งผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ โดยประเทศสมาชิกและประเทศอื่นๆ สามารถใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาเครือข่ายและระบบการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสินค้าเกษตรระดับฟาร์ม พร้อมให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากสามารถขยายการศึกษาในสินค้าเกษตรอื่นๆ จะเป็นประโยชน์มากขึ้น โดยไทยตระหนักถึงความสำคัญของการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และดำเนินการในระดับผลิตภัณฑ์ ซึ่งการลดความหลากหลายของวิธีการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ระดับฟาร์มตามแนวทาง OECD สามารถเป็นแนวทางการพัฒนาในส่วนของประเทศไทย โดยการพัฒนาวิธีการที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ เพื่อใช้ในการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างมีประสิทธิภาพ และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือในประเด็นดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ การเข้าร่วมประชุมทั้งสองเวที เป็นการเน้นย้ำถึงความพร้อมของไทยในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่กับประเทศสมาชิก OECD สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงในการเข้าเป็นสมาชิก OECD และสร้างบทบาทของไทยผ่านเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ
ข่าวเด่น