การค้า-อุตสาหกรรม
โมเดลความสำเร็จ 'วิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านสวายสอ' จ.บุรีรัมย์ แปรรูปข้าวอินทรีย์ แบรนด์ 'ข้าวสารัช' เชื่อมท่องเที่ยวชุมชน


นายชายศักดิ์ วุฒิศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางกระแสการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและความยั่งยืน วิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านสวายสอ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการกล่าวถึงในฐานะต้นแบบความสำเร็จของการทำเกษตรอินทรีย์ที่ครบวงจร ชุมชนแห่งนี้ร่วมกันขับเคลื่อนการผลิตข้าวอินทรีย์คุณภาพ และพัฒนาแบรนด์สินค้าที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์และทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของชุมชน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของนกกระเรียนพันธุ์ไทย กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่ผสานมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

 
 
สศท.5 ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาเกษตรอินทรีย์เพื่อการท่องเที่ยว ปี 2568 โดยลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านสวายสอ จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 มีพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์รวม 419 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูก 40 ราย ผ่านการรับรองมาตรฐาน Organic Thailand โดยปลูกข้าวอินทรีย์หลายสายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ข้าวมะลินิลสุรินทร์ ข้าวมะลินิล (ทับทิมชุมแพ) และข้าวหอมมะลิแดง (โกเมน) ซึ่งจุดเด่นของ พื้นที่แห่งนี้คือ การนำแนวคิดเกษตรยั่งยืนมาปรับใช้ในกระบวนการผลิตอย่างจริงจัง ทั้งการใช้ปุ๋ยหมักและพืชบำรุงดิน ตลอดจนการใช้สารชีวภัณฑ์ในการควบคุมศัตรูพืชแทนสารเคมี เพื่อสร้างระบบเกษตรที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 
สถานการณ์การผลิตข้าวอินทรีย์ ปีเพาะปลูก 2568/69 เกษตรกรทำการเพาะปลูกปีละ 1 รอบการผลิตเริ่มปลูกช่วงเดือนมิถุนายน และเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน ผลผลิตรวมประมาณ 146 ตัน/ปี โดยแบ่งสัดส่วนปลูกข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ร้อยละ 88 ข้าวมะลินิลสุรินทร์ ร้อยละ 8 ข้าวมะลินิล (ทับทิมชุมแพ) ร้อยละ 2 และข้าวหอมมะลิแดง (โกเมน) ร้อยละ 2 สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ 105 อินทรีย์ ความชื้นไม่เกิน 15% จะมีราคาที่สูงกว่าราคาเปลือกเจ้าหอมมะลิ 105 ทั่วไป ความชื้นไม่เกิน 15% ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท/ตัน ภาพรวมสถานการณ์ตลาด พบว่า ข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ผลผลิตร้อยละ 80 นำไปแปรรูปที่โรงสีชุมชน ส่วนที่เหลือร้อยละ 20 เก็บไว้เพื่อบริโภคและทำพันธุ์ สำหรับข้าวมะลินิลสุรินทร์ ข้าวทับทิมชุมแพ และข้าวหอมมะลิแดง (โกเมน) ผลผลิตร้อยละ 80 นำไปแปรรูปที่โรงสีชุมชนและร้อยละ 20 เก็บไว้เพื่อบริโภคและทำพันธุ์

 
ทางกลุ่มได้ต่อยอดการผลิตข้าว ด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์สินค้า "ข้าวสารัช" หรือ “SARUS RICE” เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน โดยทางกลุ่มจะซีลสุญญากาศ ขนาด 1 กิโลกรัม ได้แก่ ข้าวกล้อง ราคา 80 บาท ข้าวหอมมะลิ ราคา 70 บาท/กิโลกรัม ข้าวสามสี ราคา 80 บาท และนมข้าวชนิดผง กระปุกละ 300 กรัม ราคา 150 บาท/กระปุก ซึ่งทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพโดยผลิตภัณฑ์ร้อยละ 60 จำหน่ายให้ตลาดในจังหวัดบุรีรัมย์ เช่น โรงแรม และร้านอาหาร ส่วนร้อยละ 30 ส่งจำหน่ายตลาดต่างจังหวัด และร้อยละ 10 จำหน่ายทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ Thailand Postmart และ Facebook Page “ข้าวหอมนกกระเรียน” และ “บ้านสวายสอ & เถียงนาเชฟเทเบิล” โดยผลผลิตที่นำมาแปรรูปทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐาน Organic Thailand และ PGS ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มมูลค่าเชิงเศรษฐกิจและสะท้อนความมุ่งมั่นด้านสุขภาพความปลอดภัย ทั้งนี้ จากการแปรรูปข้าวอินทรีย์ สามารถสร้างรายได้ให้กลุ่มประมาณ 5,300,000 บาท/ปี

 
 
นอกจากการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์แล้ว ทางกลุ่มยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วยการเชื่อมโยงอัตลักษณ์ท้องถิ่น คือ นกกระเรียนพันธุ์ไทย ที่มีอยู่แห่งเดียวในจังหวัดบุรีรัมย์ แสดงให้เห็นว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เข้าสู่เส้นทางท่องเที่ยววิถีชีวิตแบบพื้นถิ่น โดยจัดให้มีโฮมสเตย์ และเถียงนาเชฟเทเบิลเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ รวมถึงส่งเสริมให้ชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน อาทิ เสื้อผ้าลายนกกระเรียน นกกระเรียนจิ๋วจากรังไหม และกล้วยฉาบ

 
 
“วิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านสวายสอ จึงเป็นมากกว่าผู้ผลิตข้าวแต่เป็นโครงการพัฒนาชุมชนต้นแบบที่สามารถสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเข้ากับการรักษาสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้อย่างลงตัว ชุมชนมุ่งมั่นในการจำหน่ายสินค้าผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เน้นความน่าเชื่อถือด้วยมาตรฐาน Organic Thailand โดยมีการบูรณาการความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ทำให้สามารถพัฒนา ต่อยอด การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วม สนับสนุน เยี่ยมชมและสัมผัสประสบการณ์ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ ที่บ้านสวายสอ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่นายทองพูน อุ่นจิตต์ ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ โทร 062 334 4365” ผู้อำนวยการ สศท.5 กล่าวทิ้งท้าย
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 พ.ย. 2568 เวลา : 16:25:55
20-11-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 20, 2025, 1:40 am