แบงก์-นอนแบงก์
ธ.ก.ส. เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว เดินหน้าสู่เป้าหมาย Carbon neutrality


ธ.ก.ส. เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว สร้างความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ค.ศ. 2065 พร้อมยกระดับผลผลิตสู่การเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีบรรจุภัณฑ์ทันสมัยและจำหน่ายในตลาดที่มีกำลังซื้อสูง นำร่องพื้นที่ในเขตชลประทาน อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานีบนพื้นที่กว่า 1,100 ไร่ ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว กว่า 200 ตันคาร์บอนและลดปัญหา PM 2.5
 
 
 

 
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว ภายใต้โครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อขับเคลื่อนภารกิจการสร้างความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG และมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ค.ศ. 2065 ตามนโยบายรัฐบาล  โดย ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับเกษตรกร เริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าวสู่ชั้นบรรยากาศที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของเกษตรกรลูกค้า โดยส่งเสริมให้เกษตรกรต่อยอดผลผลิตให้เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย เช่นเดียวกับ ข้าวพร้อมทานแบรนด์อุ่นอิ่ม ที่ ธ.ก.ส. ส่งเสริมและพัฒนา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและตอบสนองความต้องการตลาดในปัจจุบัน อันนำไปสู่การเสริมสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรอย่างยั่งยืน
 

 
 
 
โดย ธ.ก.ส. เริ่มต้นนำร่องโครงการฯ ร่วมกับเกษตรกรในบริเวณเขตชลประทานอำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 141 คน บนพื้นที่ปลูกข้าวรวม 1,100 ไร่ ส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying : AWD) ผ่านการพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทยขั้นสูง (Premium T-VER) ในช่วงฤดูกาลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 (ช่วงเดือนพฤษภาคม–ธันวาคม 2568) และมุ่งหวังว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้ประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม อาทิ รายได้จากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต 500 บาทต่อตันคาร์บอน มีปริมาณผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และการสนับสนุนด้านการตลาด โดยดึงสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. อุดรธานี จำกัด (สกต.อุดรธานี) ในการรับซื้อและรวบรวมผลผลิตข้าวจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป ตันละ 500 บาท และนำผลผลิตไปแปรรูปเป็นข้าวสารที่โรงสีมาตรฐานของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด (สกต. นครพนม) พร้อมให้การสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการขอรับรองมาตรฐาน อย. ให้กับ สกต. เพื่อให้ผลิตภัณฑ์พร้อมเข้าสู่ตลาดมูลค่าสูงอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน โดยตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 200 tCO2eq การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินช่วยลดก๊าซไนตรัสออกไซด์จากดิน และลดการเผาตอซังข้าว ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหามลภาวะ PM2.5 ได้อย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย อันนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้ภาคเกษตรไทยอย่างมั่นคงยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ ธ.ก.ส. ในการเป็น ‘ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน’
 
 
 
 
 
 
 

LastUpdate 22/11/2568 20:13:38 โดย : Admin
22-11-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2025, 9:09 pm