
นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (2 ธันวาคม 2568) สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในหลายจังหวัดของประเทศยังคงอยู่ในระดับ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” เนื่องจากอิทธิพลความกดอากาศสูงจากจีนที่แผ่ลงมาปกคลุม ภาคเหนือ-กลาง-อีสาน ส่งผลให้บรรยากาศนิ่ง การระบายอากาศไม่ดี ประกอบกับการพบจุดความร้อน (Hotspots) จำนวนมากในหลายพื้นที่ ทำให้ฝุ่นสะสมต่อเนื่อง
“ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในกรุงเทพมหานคร โดยทุกเขตพื้นที่เป็นสีส้ม มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานทั่วเมือง” นางสาวลลิดา กล่าว
ทั้งนี้ รายงานเมื่อเวลา 07.00 น. จากศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กทม. ระบุว่า ค่าเฉลี่ย PM2.5 ของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 50.6 มคก./ลบ.ม. สูงกว่าค่ามาตรฐาน (ไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.)
สำหรับเขตที่พบค่าฝุ่นสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
• เขตสาทร 65.8 มคก./ลบ.ม.
• เขตบางรัก 61.7 มคก./ลบ.ม.
• เขตลาดกระบัง 60.1 มคก./ลบ.ม.
• เขตมีนบุรี 59.5 มคก./ลบ.ม.
• เขตหนองแขม 56.8 มคก./ลบ.ม.
นอกจากนี้ หลายโซนเศรษฐกิจสำคัญในกรุงเทพฯ เช่น เขตสาทร สีลม รัชดาฯ พระราม 9 รวมถึงเขตชั้นนอกยังเผชิญปัญหาค่าฝุ่นเกินมาตรฐานทั้งหมดเช่นกัน
รองโฆษกฯ กล่าวต่อว่า แนวโน้มทั่วประเทศ คาดว่าฝุ่นจะยังมีแนวโน้มสะสมไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ก่อนเริ่มกระจายตัวดีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ หากมีลมตะวันออก-อีสานพัดเข้ามาเสริม
ทั้งนี้ คำแนะนำด้านสุขภาพ โดยรองโฆษกฯ เน้นย้ำว่า ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจและระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ทุกครั้งที่ออกจากอาคาร ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจติดขัด แสบจมูก หรือเวียนศีรษะ ให้รีบพบแพทย์ทันที
“รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งมาตรการลดมลพิษในพื้นที่เสี่ยงต่อไป” นางสาวลลิดา กล่าว
ข่าวเด่น