แบงก์-นอนแบงก์
ttb reserve ชวนเช็กลิสต์พ่อแม่ยุคใหม่ ส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศอย่างมั่นใจ ทั้งเรื่องประเทศ ค่าใช้จ่าย และการใช้ชีวิตที่ลงตัว


 

การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศคือการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตของลูกและครอบครัว ไม่ว่าจะระดับมัธยม หรือระดับมหาวิทยาลัย สิ่งสำคัญคือการวางแผนให้รอบคอบตั้งแต่ต้น หลายคนก็คงมีคำถามในใจว่า "จะเริ่มจากตรงไหนดี?" และ "ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?"

วันนี้ ttb reserve ในฐานะผู้ช่วยวางแผนทางการเงินและต่อยอดความมั่งคั่งครบทุกมิติสู่ความสำเร็จไม่มีสิ้นสุด ขอพาคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่มาดูแนวทางที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ให้การวางแผนเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของลูกเป็นเรื่องที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเตรียมพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของลูกในอนาคต

อยากส่งลูกเรียนต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี?
สิ่งที่ต้องเริ่มมองหาคือ "ความเหมาะสม" ทั้งของตัวลูกและงบประมาณ โดยเริ่มต้นทำความรู้จักลูกก่อน แล้วลูกเราเป็นสายไหนล่ะ?
 
สายชิล ชอบความยืดหยุ่น ชอบเลือกวิชาเอกหลากหลาย 
 
สายเร่งรัด ชอบเรียนจบไว ๆ เนื้อหาเข้มข้น 
 
สายเวิร์ก ชอบทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เก็บประสบการณ์ 
 
และคำตอบที่ได้นี้ จะช่วยพาไปสู่คำถามที่สำคัญต่อมา นั่นคือ...

เลือกทีมให้ลูก อเมริกา VS อังกฤษ VS ออสเตรเลีย...ประเทศไหนคือ The Best Match?
การจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศก็เหมือนการเลือก "ทีม" ให้ลูกลงแข่งชีวิต ซึ่ง 3 ตัวท็อปที่เรายกมาให้เห็นคือ สหรัฐอเมริกา (US) สหราชอาณาจักร (UK) และ ออสเตรเลีย (AUS) ซึ่งบอกได้เลยว่าสไตล์การเรียน และวัฒนธรรมมีความแตกต่างกันสุดขั้ว 

ทีมที่ 1 : สหรัฐอเมริกา (US) - สายยืดหยุ่น ต้องการค้นหาตัวเอง
หากชื่นชอบความอิสระและต้องการทดลองเรียนหลากหลายวิชาก่อนตัดสินใจเลือกสาขา (Major) อย่างจริงจัง สหรัฐอเมริกาคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ จุดเด่นของระบบการศึกษาที่นี่คือ ความยืดหยุ่นสูง โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาเลือกเรียนในรูปแบบ Liberal Arts ใช้เวลาเรียนปริญญาตรีประมาณ 4 ปี และสำหรับผู้ที่สนใจสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) หลังจบการศึกษา ยังมีโอกาสทำงานต่อในประเทศผ่านโครงการ OPT ได้นานถึง 36 เดือน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และรายได้เพิ่มเติม อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่ม Ivy League ที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งด้านคุณภาพการศึกษาและเครือข่ายศิษย์เก่า

ทีมที่ 2 : สหราชอาณาจักร (UK) - สายสปีด ระยะเวลาเรียนสั้นกว่าเน้นเนื้อหาเข้มข้น 
สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว และเน้นเนื้อหาลึกตั้งแต่เริ่มต้น สหราชอาณาจักรเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ระบบการศึกษาที่นี่เน้นความเฉพาะทาง ทำให้นักศึกษาสามารถจบปริญญาตรีได้ภายใน 3 ปี (สำหรับหลักสูตรทั่วไป) ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังมี “Graduate Route Visa” ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติอยู่ต่อได้อีก 2 ปีหลังจบการศึกษา เพื่อหางานและเพิ่มประสบการณ์ หากต้องการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ กลุ่ม Russell Group ถือเป็นตัวเลือกที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล

ทีมที่ 3 : ออสเตรเลีย (AUS) - สายเวิร์ก ชอบทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาสูง พร้อมสิทธิพิเศษให้นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานระหว่างเรียนได้ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้เสริมเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และหลังจบการศึกษา ยังมีโอกาสอยู่ต่อด้วยวีซ่า Temporary Graduate Visa ได้นานถึง 2–4 ปี เพื่อสะสมประสบการณ์ทำงานก่อนกลับไทยหรือไปต่อประเทศอื่น หากต้องการคุณภาพการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานควบคู่กัน ออสเตรเลียคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด

เทคนิคการเลือกสถานศึกษา
 
การเลือกโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ต้องดูให้เหมาะสมกับเป้าหมายของลูก
 
ระบบการศึกษา พิจารณาว่าประเทศนั้นใช้ระบบกี่ปี และมีความเข้มข้นของหลักสูตรมากน้อยเพียงใด
 
อันดับมหาวิทยาลัย ตรวจสอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น QS World University Rankings, US News หรือ Times Higher Education
 
ช่วงเวลา Intake แต่ละประเทศมีรอบรับสมัครและเปิดเรียนต่างกัน ควรวางแผนให้สอดคล้อง เช่น มหาวิทยาลัย Ivy League ในสหรัฐอเมริกามักมี Intake ช่วงเดือนสิงหาคมและมกราคม

สิ่งสำคัญที่เรียกว่า “ค่าใช้จ่าย” ที่ไม่ใช่แค่ค่าเทอม 
 
นอกจากค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียม เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งมักเป็นสัดส่วนสำคัญของงบประมาณทั้งหมด อีกทั้งต้องคำนึงถึง อัตราเงินเฟ้อทางการศึกษา (Education Inflation) ที่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี ตัวอย่างเช่น หากเลือกเรียนในสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีอาจอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ล้านบาท (รวมค่าเทอมและค่าครองชีพ) สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดอาจสูงกว่า 10-12 ล้านบาท และหากรวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นการเดินทางและเงินเฟ้อทางการศึกษาในระยะยาว งบประมาณอาจเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านบาทหรือมากกว่า

ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้าและเผื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันงบประมาณบานปลายและทำให้การลงทุนด้านการศึกษาของบุตรหลานเป็นไปอย่างมั่นใจ
 
ttb reserve เข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ จึงออกแบบ “โซลูชันสกุลเงินต่างประเทศ” ที่ช่วยผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศส่งมอบอนาคตที่ดีเพื่อลูกตลอดเส้นทาง
 
วางแผนการสะสมเงินตราต่างประเทศได้ดอกเบี้ยสูง เปิดบัญชี FCD e-Saving เพื่อทยอยแลกเงินในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า รับดอกเบี้ยสูงในสกุลเงินที่กำหนด และยังได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการเปิดบัญชีใหม่สกุล USD และ/หรือ GBP ผ่านแอป ttb touch  นอกจากนี้ลูกค้าที่มีสถานะ Gold หรือ Platinum หรือ Diamond จะได้รับส่วนลดอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกเป็นพิเศษอีกด้วยจัดการค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา สะดวก รวดเร็ว  
 
โอนเงินสะดวก โอนเงินจากบัญชี FCD ของผู้ปกครอง ไปที่บัญชี FCD ของบุตรหลาน ผ่านแอป ttb touch ไม่มีค่าธรรมเนียมเมื่อโอนเข้า บัญชี FCD และ โอนได้สูงสุด 4 ล้านบาท/วัน หรือค่าธรรมเนียมโอนต่างประเทศเพียง 150 บาท (7 สกุลเงินหลัก - USD, EUR, GBP, HKD, AUD, SGD, CAD)
 
สะดวก สบาย พ่อแม่ควบคุมได้ เมื่อใช้จ่ายในต่างประเทศ ใช้เพียงบัตรเดียว ttb world pass ที่ใช้ควบคู่กับบัญชี FCD e-Saving ครอบคลุมการใช้งานทั่วโลก เน้นความสะดวก ปลอดภัย และมั่นใจในการควบคุมค่าใช้จ่าย ฟรี FX rate 2.5% หรือออกบัตรเสริมเป็นบัตรเครดิต ttb reserve ให้ลูกติดตัวไว้เผื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน
 
ttb reserve พร้อมเป็นผู้ช่วยวางแผนทางการเงินให้กับผู้ปกครองเตรียมความพร้อมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศได้สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
 
บัญชี FCD e-Saving
 
บัตรเดบิต ttb world pass
 
บัตรเครดิต ttb reserve  

หรือสอบถามเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนของท่าน หรือ ttb reserve line 02-010-1428

เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์และประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินตราต่างประเทศปัจจุบันได้ทางเว็บไซต์ของธนาคาร ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
 
#ttbreserve
#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ธ.ค. 2568 เวลา : 15:37:41
09-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 9, 2025, 12:06 am