เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "คาดวันนี้ กนง.ปรับลดดอกเบี้ย"


 

คาดตลาดไซด์เวย์/แกว่งขึ้น การประชุม กนง. วันนี้เราและตลาดคาดว่ากนง. จะลดดอกเบี้ยลง 25bps ผลสำรวจ Bloomberg มีเพียง 1 ท่านจากทั้งหมด 24 ท่านที่คาดว่าคงดอกเบี้ย อีก 23 ท่านคาดลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามชายแดนไทย-กัมพูชาอาจทำให้สหรัฐฯ นำประเด็นนี้มากดดันเรื่องภาษียังเป็นความเสี่ยง ทางเทคนิค ยังแกว่งตัวในกรอบรอการเบรก กรอบบนอยู่ที่ 1275/1285 ยืนเหนือได้จะเป็นการแกว่งตัวขึ้นต่อ ในขณะที่การอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1258/1248 ที่ต้องไม่หลุดต่ำกว่า

ประเด็นสำคัญ

• วันนี้ติดตามการประชุมนโยบายการเงิน กนง. ครั้งสุดท้ายของปี 2568 เราคาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ 1.25% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงจะเป็นบวกต่อกลุ่มที่มีต้นทุนการเงินสูงอย่างไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, อสังหา  

• นายกฯ สั่ง รมว. คลังและพาณิชย์หารือกับ ธปท. เพื่อหาแนวทางรับมือปัญหาบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้านผู้ว่าฯ ธปท. เผยสาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าตามปัจจัยฤดูกาลจากการท่องเที่ยวและส่งออก รวมถึงปริมารณธุรกรรมที่สูงของผู้ค้าทองคำ

• นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อนจำนวน 704,734 คน เพิ่มขึ้น 5.2%WoW จากทั้งกลุ่มระยะใกล้และไกล โดยเฉพาะมาเลเซียที่ฟื้นตัว 21.2%WoW หลังเผชิญน้ำท่วม ส่วนเกาหลีใต้และจีนขยายตัว 3.4%WoW และ 2.6%WoW ตามลำดับ ทำให้จำนวน นทท. ต่างชาติสะสมที่ 30.98 ล้านคน ลดลง 7.2%YoY

• การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ใน พ.ย. 2568 เพิ่มขึ้น 6.4 หมื่นตำแหน่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ใน ต.ค. ลดลง 1.05 แสนตำแหน่ง มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2563 สะท้อนตลาดแรงงานที่ชะลอต่อ ตลาดมองความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ม.ค. 2569 ที่ 23% 

• ราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และ Brent ปรับลงกว่า 2.7%DoD หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด และข้อตกลงสันติภาพยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนใกล้เป็นจริงทำให้รัสเซียจะส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดได้ ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับลงจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน ขนส่ง โรงไฟฟ้า และค้าปลีกน้ำมัน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาส Sideway Down จากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทย โดยมีแนวโน้มลงไปทดสอบฐานเดิมบริเวณ 1230 และมีกรอบบนจำกัดที่ 1285 โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ BoJ (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.75%), ECB และ BoE (ตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบาย) รวมถึง กนง. (ตลาดคาดปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ 1.25%) และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ย., PCE ต.ค. และตัวเลขภาคแรงงาน พ.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามรายชื่อผู้สมัครและนโยบายหลักแต่ละพรรค หลัง กกต. ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับลงจากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทยและขาดมาตรการกระตุ้นใหม่ อีกทั้งรอติดตามผลประชุมนโยบายการเงินของ กนง. กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก คาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform แนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ และปีหน้า 2 ครั้งในปี 2569 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ sentiment บวกระยะสั้นหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสัปดาห์นี้ แนะนำ AP GULF GPSC MTC SAWAD 2) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT BJC) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ และ 3) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี

Special Report : Yearbook 2026 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “Riding the Wild Horse” เพื่อสื่อถึงมุมมองการลงทุนที่คาดจะยังให้ผลตอบแทนได้แต่มีความผันผวนสูง จึงต้องคัดสรรและกระจายการลงทุนมากขึ้น พร้อม 8 หุ้น Top Picks ในตลาดหุ้นไทยที่คัดสรรมาให้ (อ่านเพิ่มได้ในบทวิเคราะห์ซึ่งออกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568)

Daily Top Picks

BGRIM: มีปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มการปรับลดลงของต้นทุนก๊าซฯ ดอกเบี้ยและได้อานิสงค์เงินบาทแข็ง ในขณะที่กําไรหลักใน 4Q68 คาดเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลงมากกว่าค่าไฟฟ้าที่ลด และคาดกำไรหลักยังโตต่อในปี 2569 อีก +24% จากความต้องการใช้ไฟเพิ่มตาม Data Center ราคาเป้าหมายสั้น 15.00 บาท
 
CPALL: ปัจจัยกระตุ้นจากเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบ ศก.ช่วงหาเสียงเลือกตั้งและคาดจะเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในกลุ่มที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต YoY ใน 4Q68 จากยอดขาย CVS แข็งแกร่งและมาร์จิ้น CVS กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ ธ.ค.นี้เป็นต้นไป เป้าหมายระยะสั้น 45.00 บาท

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ธ.ค. 2568 เวลา : 13:19:23
17-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 17, 2025, 9:52 pm