การลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ครั้งแรกในการประชุมของวันพุธที่ผ่านมา หลังจากที่ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้ออันส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดในรอบ 23 ปี ส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์โดยรวม ทั้ง ทองคำ พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ หุ้น และเหรียญคริปโต มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นทันที โดย Bitcoin มีการปรับระดับราคาไปแตะที่ 64,000 ดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังทะลุออกจากกรอบขาลง 50 วัน เป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งบอกว่าตลาดคริปโตกำลังกับเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ทาง ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงกว่า 0.50% ซึ่งเป็นอัตราที่มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 4.75% - 5.00% ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์) กระจายไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะหุ้น และคริปโต ที่นำโดย Bitcoin โดยมีการพุ่งขึ้นของระดับราคาจากที่มีความกังวลว่าจะหลุดลงไปช่วงระดับราคา 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปแตะที่ระดับ 64,000 ดอลลาร์สหรัฐ ของช่วงวันศุกร์ที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนลดระดับลงเล็กน้อยตามภาพด้านบน ซึ่งการพุ่งทะยานของ Bitcoin นี้ หากพิจารณาเชิงกราฟเทคนิค จะพบได้ว่าช่วงราคาได้ทะลุออกจากช่องแนวโน้มขาลง (ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. 2567) ซึ่งกินเวลานานกว่า 50 วัน
และเมื่อพิจารณาถึง Bitcoin Halving หรือการลดรางวัลครึ่งหนึ่งของการขุด Bitcoin ทุกๆ 4 ปี ที่เกิดขึ้นปีนี้และกินระยะเวลามาแล้วกว่า 150 วัน กำลังจะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นตามสถิติของปรากฏการณ์ดังกล่าว ที่มักจะมีการผลักดันของระดับราคา Bitcoin ให้พุ่งขึ้นสูง หรือเข้าสู่ช่วงขาขึ้นของเหรียญ อีกทั้งดัชนี Bitcoin Fear and Greed Index ที่วัดถึงสภาวะอารมณ์ของตลาด ณ ปัจจุบันก็เข้าสู่โซน Neutral หรือหมายความว่า Volume การเข้าซื้อเริ่มกลับมาแล้ว ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนอย่างสัญญาณจาก Dot Plot หรือประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่สะท้อนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ก่อนสิ้นปีนี้ และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในปีหน้า เป็นการเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงอย่างเต็มตัว และสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กำลังจะเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของราคาของ Bitcoin รวมถึงเหรียญ คริปโตสกุลอื่น ๆ มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยตลาดมีการคาดการณ์ว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะไปทดสอบที่ระดับราคา 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับ All Time High ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้แล้ว ในด้านของ Bitcoin Spot ETF ก็ยังมีกระแสเข้ามาพุ่งสูงขึ้นเกือบ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีอันดับการเข้าของเงินทุนสูงสุดในกองทุน Ark 21Shares Bitcoin ETF (ARKB) และกองทุน Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) ที่มีมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 26.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ก็เป็นการการันตีอีกทางหนึ่งว่าเงินทุนได้ไหลกลับเข้ามายัง Bitcoinแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม มีนักลงทุนอีกด้านวิเคราะห์ว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะตกลงมาที่ระดับ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐได้เช่นกัน เนื่องจากยังอาจอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลง ที่ต้องระวังเหตุการณ์ “September Effect” โดยมักมีการขาดทุนเฉลี่ยรายเดือนในทุก ๆ “เดือนกันยายน” ซึ่งต้องนับรอดูวันที่เหลือของเดือนนี้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่
ข่าวเด่น