คริปโตเคอเรนซี่
อนาคตอยู่บนบล็อกเชน: Tokenization จะพลิกโฉมโมเดลธุรกิจได้อย่างไร โครงสร้างพื้นฐานพร้อม กฎเกณฑ์กำลังปรับพัฒนา และตลาดก็พร้อม


 
อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับแรงผลักดันอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีบริษัท Fortune 500 จำนวนมากนำบล็อกเชนมาใช้ในวาระเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีพื้นฐานนี้ ไม่นานมานี้ผมได้รับโอกาสให้ไปพูดในงานสัมมนาใหญ่ของไทยงานหนึ่งในหัวข้อที่กำลังอยู่ในความสนใจของแวดวงธุรกิจนั่นคือ การแปลงสินทรัพย์ในโลกจริง (Real-World Asset - RWA) ให้เป็นโทเคน (Tokenization) ในยุคที่ระบบและสินทรัพย์กำลังย้ายขึ้นสู่บล็อกเชนอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นนี้พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกระแสเงินทุน โครงสร้างอุตสาหกรรม และตรรกะของธุรกิจโดยพื้นฐาน

ในทุกภาคส่วน ธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพหรือบริษัทใหญ่ระดับโลก ต่างยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายสามประการที่ยั่งยืน ได้แก่ การเข้าถึงเงินทุน การปลดล็อกมูลค่าสินทรัพย์ และการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างยั่งยืน แม้ว่าความท้าทายเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็มีความชัดเจนมากขึ้นในเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน นี่คือจุดที่ Tokenization ซึ่งขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน เสนอทางเลือกที่เป็นไปได้ ด้วยการเปลี่ยนสินทรัพย์ทางกายภาพและสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ให้เป็นหน่วยดิจิทัลที่ตั้งโปรแกรมได้ มันเปิดช่องทางใหม่สำหรับการเสริมสภาพคล่อง การถือกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน และการมีส่วนร่วมที่ปรับเปลี่ยนหรือขยายพอร์ตได้ตามความต้องการ สิ่งที่เคยถูกปิดกันหรือไม่มีสภาพคล่อง ตอนนี้สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยความเร็วของอินเทอร์เน็ต ด้วยความโปร่งใส ประสิทธิภาพ และความไว้วางใจที่ฝังอยู่ตั้งแต่กระบวนการออกแบบแล้ว

สินทรัพย์ในโลกจริง โซลูชั่นในโลกจริง

ในความเป็นจริง การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคน (Tokenization) ได้ก้าวข้ามขั้นของแนวคิดไปมากแล้ว เราเห็นคุณค่าของมันในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น ในอสังหาริมทรัพย์ Tokenization ช่วยให้สินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่โดยปกติแล้วไม่มีสภาพคล่องให้สามารถแบ่งส่วนและเปิดโอกาสให้นักลงทุนในวงกว้างเข้าถึงได้ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มสภาพคล่องของตลาดและขยายการเข้าถึงเงินทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกิดระบบอัตโนมัติและการชำระบัญชีที่เกือบจะทันที ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและความโปร่งใส  จากข้อมูลของ Deloitte ตลาด Tokenization อสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกอาจสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2035 ซึ่งเป็นสัญญาณของศักยภาพระยะยาวของภาคส่วนนี้

นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว Tokenization กำลังได้รับความสนใจในด้านต่าง ๆ เช่นงานศิลปะ สินค้ากลุ่มลักชัวรี่ และแม้แต่พันธบัตรรัฐบาล โดยกำจัดอุปสรรคของการจำกัดวงเฉพาะในตลาดที่มีอยู่มาเป็นเวลานาน สำหรับธุรกิจแล้วการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นมากกว่ากลไกการระดมทุนใหม่ เป็นโอกาสของการคิดใหม่ ทำใหม่ตั้งแต่ระดับพื้นฐานเลยว่ามูลค่าสินทรัพย์ถูกปลดล็อกอย่างไร และลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมในรูปแบบการเป็นเจ้าของที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าไม่ถึงได้อย่างไร

โดยสรุป Tokenization มีข้อได้เปรียบสำคัญ ๆ อยู่ 4 ประเด็นสำหรับธุรกิจที่กำลังดำเนินงานในเศรษฐกิจดิจิทัลปัจจุบัน:

การเข้าถึง: ด้วยการแบ่งส่วนความเป็นเจ้าของ Tokenization ทำให้สินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสำหรับนักลงทุนที่อาจเคยถูกกีดกันออกจากตลาดดั้งเดิม
สภาพคล่อง: Tokenization ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ชัดเจนในการปรับปรุงการซื้อขายสินทรัพย์ที่โดยปกติแล้วไม่มีสภาพคล่อง สร้างเส้นทางใหม่ — แม้จะยังคงเป็นเส้นทางที่กำลังเกิดขึ้น — สำหรับการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่ช่องทางสภาพคล่องแบบดั้งเดิมมีจำกัดหรือไม่สามารถเข้าถึงได้
 
ประสิทธิภาพ: ธุรกรรมสามารถชำระบัญชีได้เกือบจะทันที ด้วยการบันทึกที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นที่ฝังอยู่ในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งช่วยปรับปรุงการดำเนินงานและลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร
 
นวัตกรรม: ธุรกิจสามารถออกแบบโมเดลที่ตั้งโปรแกรมได้และเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมทั่วโลกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากลักษณะไร้พรมแดนของบล็อกเชน บริษัทต่าง ๆ สามารถสร้างการเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ชมต่างประเทศ — เปลี่ยนลูกค้าให้เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีความสอดคล้องกันซึ่งมีส่วนร่วมในความสำเร็จระยะยาวของแบรนด์
 
ประเทศไทยกับความพร้อมที่จะเป็นผู้นำ

นี่ไม่ใช่เรื่องเทรนด์ของโลกที่ไกลตัวอีกต่อไป ประเทศไทยกำลังเติบโตและสร้างโปร์ไฟล์ในด้านการแปลงสินทรัพย์ในโลกจริงให้เป็นโทเคน ตั้งแต่โครงการ Siri Campus ของแสนสิริที่ถูกแปลงเป็นโทเคน ไปจนถึงการระดมทุนด้วยบล็อกเชนสำหรับภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส 2 และแม้แต่การออกโทเคนพันธบัตรรัฐบาล — นวัตกรรมกำลังก้าวหน้าทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐ ด้วยกฎระเบียบและการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงบนบล็อกเชนนี้สามารถขยายขนาดได้อย่างยั่งยืนทั่วทั้งเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความก้าวหน้าด้านกฎระเบียบที่ให้กรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นประเทศแรก ๆ  ประชากรที่มีความรู้ด้านดิจิทัลที่กระตือรือร้นที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ และระบบนิเวศทางการเงินที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งสถาบันการเงินและสตาร์ทอัพฟินเทคที่มีพลวัต ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ประเทศอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในพื้นที่ Tokenization

สร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความรับผิดชอบ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกกระบวนทัศน์ใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทาย สำหรับ Tokenization ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ โครงสร้างพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการศึกษาและการรับรู้ เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว — โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดการเงินที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ การทำให้มั่นใจว่าสินทรัพย์ที่แปลงเป็นโทเคนมีสภาพคล่องที่ดีในตลาดรองยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญหากเราต้องการก้าวไปสู่การยอมรับในวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมในการกำกับดูแลของไทยยังคงเปิดกว้างและให้ความร่วมมือกัน โดยมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมเพื่อสำรวจโอกาสในการพัฒนาที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มเช่น BINANCE TH มุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด มีสภาพคล่องสูงและตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายสำหรับสาธารณะในการเข้าถึงระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งนำเสนอแหล่งข้อมูลการศึกษาที่ครอบคลุมเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดสามารถร่วมกันส่งเสริมนวัตกรรม สร้างความไว้วางใจ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นเพื่อเร่งการยอมรับของตลาด ทำให้มั่นใจถึงผลประโยชน์ระยะยาวสำหรับเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม

มองไปข้างหน้า

เรากำลังอยู่ในยุคแห่งคำมั่นสัญญาและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังปรับเปลี่ยนตั้งแต่ฐานรากของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน การรับรู้ข้อมูลและปรับตัวจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป — แต่เป็นเรื่องจำเป็น บุคคล องค์กร และแม้แต่ประเทศใดที่ล้มเหลวกับการมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงนี้มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความเกี่ยวข้องในโลกที่กำลังเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว

โดยแก่นแท้แล้ว Tokenization ไม่ใช่แค่นวัตกรรมทางเทคโนโลยี — แต่เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ให้ทุกคุนเข้าถึงได้ เปิดประตูสู่การมีส่วนร่วมที่กว้างขึ้น ทำให้ทุกคนตั้งแต่ผู้ลงทุนรายย่อยไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์ที่ครั้งหนึ่งเป็นไปไม่ได้ อนาคตของโลกการเงินกำลังก่อกำเนิดขึ้นในขณะนี้ — และโอกาสเปิดกว้างสำหรับคนที่พร้อมจะเข้าร่วมเดินทางไปกับมัน
 
โดย นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล, CFA
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, BINANCE TH by Gulf Binance

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ก.ย. 2568 เวลา : 18:54:47
03-10-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 9 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำประชานุกูล

2. ตลาดหุ้นปิด (2 ต.ค.68) บวก 13.26 จุด ดัชนี 1,288.29 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ต.ค.68) บวก 15.63 จุด ดัชนี 1,290.66 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) อย่างต่อเนื่อง กรอบแนวรับระยะสั้นวันนี้ที่ 3,840-3,820 เหรียญ แนวต้านที่ 3,890-3,910 เหรียญ

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (2 ต.ค.68) บวก 9.72 จุด ดัชนี 1,284.75 จุด

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (1 ต.ค.68) ทำนิวไฮ บวก 24.3 ดอลลาร์ ชัตดาวน์หน่วยงานสหรัฐหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (2 ต.ค. 68) ร่วงลง 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 60,100 บาท

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

9. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (1 ต.ค.68) บวก 43.21 จุด นักลงทุนเมินชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

10. พยากรณ์อากาศวันนี้ (2 ต.ค.68) ฝนฟ้าคะนองในภาคเหนือ 60% กรุงเทพปริมณฑล และภาคอื่นๆ 40%

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (2 ต.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (1 ต.ค.68) บวก 0.86 จุด ดัชนี 1,275.03 จุด

13. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,850 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,900 เหรียญ

14. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (1 ต.ค. 68) พุ่งพรวด 1,000 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 60,200 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 3, 2025, 6:37 am