“กฤษฎา” รมช.คลัง มอบหมาย ธอส.จัดของขวัญให้ประชาชนช่วงสงกรานต์ พร้อมปล่อยกู้กลุ่มเปราะบาง ในโอกาสตรวจเยี่ยม ธอส. พร้อมร่วมสังเกตการณ์ลูกค้ายื่นกู้ “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” หลังรับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท ด้าน เอ็มดี ธอส. รับลูกเตรียมขยายวงเงิน Happy Home อีก 10,000 ล้านบาท
![](/userfiles/04(173).jpg)
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐบาลของ ธอส. โดยมี นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการ และคณะกรรมการธนาคาร นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับและร่วมรับฟังนโยบาย ในวันนี้ (11 เม.ย.67) ว่า ได้มอบหมายให้ ธอส. จัดหามาตรการเพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย โดยขยายกรอบวงเงินโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home อีก 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมในการผ่อนปรนเงื่อนไขให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
![](/userfiles/17_0(5).jpg)
นอกจากนี้ นายกฤษฎากล่าวแสดงความมั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลเพิ่งออกมาล่าสุด จะส่งดีต่อประชาชนอย่างมาก แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ผ่อนคลายเกณฑ์มาตรการ LTV หรือ Loan to Value Ratio ให้ แต่ยืนยันจะไม่กระทบกับมาตรการที่รัฐบาลออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งเข้าใจว่า ธปท.เองคงมีเหตุผลในฐานะผู้กำกับดูแล ที่จะควบคุมการก่อหนี้จนเกินตัวของประชาชน แต่ในมุมของกระทรวงการคลังก็ต้องการช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน และมองว่า ธอส.เองก็มีเงินกันสำรองหนี้เสียในสัดส่วนที่สูง และยังได้เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ไว้แล้วด้วย
“ธอส.เป็นเด็กดีของแบงก์ชาติ ผมบอกดื้อบ้างก็ได้น่ะ ผ่อนคลายได้บางเกณฑ์ เพื่อจะได้ช่วยประชาชนให้มีบ้านได้มากที่สุด”รมช.คลังกล่าว
นายกฤษฎากล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่ผ่านมา ธอส. และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐก็ตรึงอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่องและไม่ให้เป็นภาระที่มากขึ้น และยังเชื่อว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ในส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) หรือ JVAMC รมช.คลังกล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารออมสิน ที่มีลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก และเป็นตัวหลักในการจัดตั้ง AMC กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอยู่ 3-4 ราย โดยคาดว่า วันที่ 17 เม.ย.นี้ ธนาคารออมสินจะมีการเปิดแถลงข่าวความคืบหน้าในการจัดตั้ง AMC แต่ในส่วนของ ธอส.คงไม่ได้มีการจัดตั้ง เพราะปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ ธอส. ไม่ได้มากนัก ขณะที่ธนาคารออมสินที่ดำเนินการจัดตั้ง AMC เพราะมีสัดส่วนลูกค้ารายย่อยเยอะและตั้งใจจะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งตรงตามนโยบายรัฐบาล แต่ยืนยันการโอนหนี้หรือขายหนี้ NPL ไม่ใช่การเล่นที่ตัวเลข เพื่อให้หนี้ครัวเรือนลดลงอย่างฮวบฮาบ เพราะ AMC ที่ซื้อหนี้ไปก็ต้องไปบริหารจัดการหนี้ก้อนนั้นก่อนให้เป็นสินทรัพย์ที่ดี และการจัดตั้ง AMC ไม่ได้ต้องการกำไร แต่ต้องการแก้หนี้รายย่อย ซึ่งเป็นแนวทางการปฎิบัติงานของธนาคารออมสินในการช่วยเหลือสังคม
![](/userfiles/S__4841615.jpg)
ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ของขวัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมอบให้กับลูกค้าใหม่เพื่อให้เข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้น ล่าสุด ได้ออกโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะเต็มในเร็วๆ นี้ ดังนั้น มีแผนขยายวงเงินเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท เพื่อมอบเป็นของขวัญในช่วงสงกรานต์ ส่วนลูกค้าเดิมอยู่ระหว่างการพิจารณาหามาตรการ
นายกมลภพกล่าวยอมรับว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา ทำให้มีลูกค้าถูกจัดชั้นอยู่ในกลุ่มเปราะบาง และมีข้อจำกัดในการชำระหนี้ ส่งผลให้ระดับ NPL ของธอส.สูงขึ้นมาอยู่ที่ 4.8% จาก 3.8% เมื่อสิ้นปี 2566 ซึ่งยอมรับว่าสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม จากนี้จนถึงสิ้นปี 2567 จะรักษาระดับ NPL ให้ไม่เกิน 4.8%
“เหตุผลที่ NPL เพิ่มขึ้นอีก 1% มาจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ยั่งยืนของ ธปท. สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธอส. ก็ตรึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงได้จัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งตัวเลขจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน เม.ย.67 ส่วนเรื่องเกณฑ์ LTV ผมมองว่าทั้งกระทรวงคลังและธปท. ต่างมีเหตุผล ซึ่งในส่วนของธอส.ก็มีการปรับเกณฑ์สินเชื่อ ที่มีเกณฑ์ LTV 85-100% ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น” กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าว
นายกมลภพกล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ ธอส.ในไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมาย มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ 32,000 ล้านบาท และคาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อใหม่จะเพิ่มขึ้นอีก จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ รวมถึงโครงการสินเชื่อต่างๆ ที่ธนาคารดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาล และจบสิ้นปีน่าจะมียอดสินเชื่อตามเป้าหมายที่ 242,544 ล้านบาท
![](/userfiles/16_0(5).jpg)
นายกมลภพ กล่าวในตอนท้ายว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอด 70 ปีที่ผ่านมาได้สนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว ซึ่ง ธอส. ยังคงพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ในการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) โดยในส่วนของ ธอส. ได้มีการจัดทำ “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” เพี่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านการมีที่อยู่อาศัยของคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เท่ากับ 3.00% ต่อปี, ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี, ปีที่ 8-9 เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี, ปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยเท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี ลูกค้าสวัสดิการเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี) โดยหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 มีมติเห็นชอบจัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home โดย ธอส. ได้เปิดให้ลูกค้าที่สนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN ล่าสุด ณ วันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 8.00 น. มีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้ว 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนว่าลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่เป็นจำนวนมาก
![](/userfiles/22_0(1).jpg)
“ด้วยลูกค้าให้การตอบรับ รับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง 5 ปีแรก ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถเลือกซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ตามความต้องการมากขึ้น จากวงเงินในการขอสินเชื่อถึง 3 ล้านบาท มั่นใจว่าหลังจากนี้จะมีลูกค้าสนใจเข้าร่วมโครงการนี้อีกเป็นจำนวนมาก” นายกมลภพ กล่าว
ทั้งนี้ ในโอกาสเดียวกัน นายกฤษฎา รมช.คลัง ยังได้ร่วมสังเกตการณ์ลูกค้าที่เข้ามายื่นขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ที่ ธอส. สำนักงานใหญ่ โดยได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวของรัฐบาลและ ธอส. กับลูกค้าด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ผ่านทาง Mobile Application : GHB ALL GEN และรับรหัสตัวเลข 6 หลัก ทาง GHB Buddy บน Application Line เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าว หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
ข่าวเด่น