กองทุนรวม
บลจ.กสิกรไทย ครองแชมป์กองทุน ThaiESG ชู K-TNZ-ThaiESG ได้รับความนิยมและสร้างผลตอบแทนสูงสุดในตลาด เตรียมส่งกองทุนผสม ThaiESG ตอบโจทย์คนชอบกระจายความเสี่ยง



 
บลจ.กสิกรไทย ครองแชมป์อันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ทั้งตลาดกวาด AUM รวมกว่า 2,694.34 ล้านบาท ชู K-TNZ-ThaiESG มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุด พร้อมขึ้นแท่นกองทุน ThaiESG ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุด ในขณะที่ K-ESGSI-ThaiESG มีขนาดกองทุนใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ตราสารหนี้ พร้อมชวนลงทุนรับโปรโมชั่นพิเศษส่งท้ายปี

 
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA, Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 2,694.34 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 23% จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้งหมด 16 บริษัทในตลาด 

นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุน ThaiESG ของ บลจ.กสิกรไทย ปัจจุบันมีให้เลือก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุน K-TNZ-ThaiESG เป็นกองทุนแรกของไทยที่มีเป้าหมายสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยกองทุนมีกลยุทธ์ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีส่วนช่วยและสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ผ่านกลยุทธ์การบริหารจัดการแบบเชิงรับ (Passive Management) เพื่อให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด SET100 TRI ส่งผลให้พอร์ตลงทุนมีค่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่ต่ำกว่าดัชนี SET100 ทั้งนี้ กองทุน K-TNZ-ThaiESG มี AUM เป็นมูลค่า 2,075.19 ล้านบาท มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุด และเป็นกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในหุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี (YTD), 3 เดือน และ 6 เดือน อยู่ที่ 7.72%, 13.31% และ 10.87% ตามลำดับ ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 8.48%, 13.57% และ 11.21% ตามลำดับ (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 31 ต.ค. 67)
 
ในขณะที่กองทุน K-ESGSI-ThaiESG ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุน ESG และมีความเสี่ยงต่ำ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนเช่นกัน โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐของไทยในกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% โดยสามารถลงทุนในตราสารดังต่อไปนี้ 1) ตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ได้แก่ ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) 2) ตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย  และ 3) ลงทุนบางส่วนในตราสารหนี้ เงินฝาก และตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ระดมทุนมีทั้งที่เป็นภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน โดยมุ่งนำเงินไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทย ทั้งนี้ กองทุน K-ESGSI-ThaiESG มี AUM เป็นมูลค่า 619.15 ล้านบาท มีขนาดกองทุนใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ตราสารหนี้ และมีผลการดำเนินนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) และ 3 เดือน อยู่ที่ 2.88% และ 1.54% ในขณะที่ดัชนีชี้วัด อยู่ที่ 3.29% และ 1.99% ตามลำดับ (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 31 ต.ค. 67)

ทั้งนี้ เพื่อให้ บลจ.กสิกรไทย สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ครบทุกระดับความเสี่ยง จึงได้เตรียมเปิดเสนอขายกองทุน ThaiESG กองทุนใหม่ในรูปแบบกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และลงทุนหลากหลายประเภทสินทรัพย์เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้ในทุกสภาวะตลาด โดยคาดว่าจะเปิดเสนอขายในเร็วๆ นี้

“การสนับสนุนจากภาครัฐในการจัดตั้งกองทุน ThaiESG มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างจุดเปลี่ยนตลาดหุ้นไทยผ่านแนวทางการลงทุนที่เน้นการพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทในตลาดหุ้นไทยต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับความคาดหวังด้าน ESG ดังนั้น กองทุน ThaiESG จึงไม่เพียงแต่ส่งเสริมการลงทุนให้มีความยั่งยืน แต่ยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้ตลาดหุ้นไทยมีการยกระดับและพัฒนาในระยะยาว” นางสาวธิดาศิริกล่าว

นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-TNZ-ThaiESG และ K-ESGSI-ThaiESG สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษเมื่อลงทุนแบบ DCA ผ่านบริการ K-Saving Plan และ/หรือ DCA ผ่านแอป K-My Funds ในกลุ่มกองทุน ThaiESG/SSF/RMF กสิกรไทย รับ Fund Back สูงสุด 1,200 บาท โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 ธันวาคม 2567 ผู้ลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือ ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ของบลจ.กสิกรไทย www.kasikornasset.com
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 พ.ย. 2567 เวลา : 12:33:24
04-12-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (3 ธ.ค.67) บวก 17.65 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,454.76 จุด

2. MTS Gold คาดว่าจะเคลื่อนตัวในกรอบ Sideways ระหว่างแนวรับที่ระดับ 2,625 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,655 เหรียญ

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ธ.ค.2567) บวก 11.84 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,448.95 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (2 ธ.ค.67) ร่วง 22.50 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่า-จับตาจ้างงานสหรัฐชี้ทิศทางดอกเบี้ยเฟด

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (2 ธ.ค.67) ร่วง 128.65 จุด จับตาถ้อยแถลงประธานเฟด-จ้างงานสหรัฐฯ

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (3 ธ.ค. 67) ขยับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,600 บาท

7. ตลาดหุ้นไทยเปิด (3 ธ.ค.67) บวก 6.08 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,441.43 จุด

8. ทั่วไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา "ยอดดอย" อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศา ภาคใต้ ฝน 30-40%

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.40-34.65บาท/ดอลลาร์

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (3 ธ.ค.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 34.51 บาทต่อดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิด (2 ธ.ค.67) บวก 9.57 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,437.11 จุด

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ธ.ค.2567) บวก 1.66 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,429.20 จุด

13. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวระหว่างแนวรับที่ระดับ 2,610 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,650 เหรียญ

14. ตลาดหุ้นไทยเปิด (2 ธ.ค.67) บวก 2.98 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,430.52 จุด

15. ทองเปิดตลาด (2 ธ.ค. 67) ปรับลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,550 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 4, 2024, 12:45 am