คาดดัชนีมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ ด้วย Sentiment บวก โดยมีปัจจัยหนุน 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ติดการประชุมวันนี้ 2) เงินบาทกลับมาแข็งค่าเป็นบวกต่อทิศทาง Fund Flow และ 3) GDP ไทยใน 3Q67 ที่สูงกว่าคาด และมีแนวโน้มดีต่อใน 4Q67 ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1460-1465 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1440-1445 จุด คาดยังรองรับได้
ประเด็นสำคัญ
• วันนี้ติดตามการประชุมของบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนำ เช่น นโยบายแจกเงินหมื่นเฟสสองสำหรับผู้สูงอายุ, มาตรการแก้หนี้, มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการลดหย่อนภาษี
• รมว.คลังนำทีม BOI เยือนเซี่ยงไฮ้ดึงลงทุนในจังหวะบริษัทจีนกังวลผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ พบบริษัทแบตเตอรี่-อิเล็กทรอนิกส์ หนุนไทยฐานผลิตจีนในภูมิภาคอาเซียน เผย 9 เดือน จีนยื่นลงทุนไทย 1.14 แสน ลบ.
• สศช. เผย GDP 3Q67 ขยายตัว 3% หนุนจากการผลิตนอกภาคการเกษตร ภาคบริการ และการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น พร้อมปรับเป้า GDP ปีนี้โต 2.6% จากเดิม 2.5% ส่วนปี 2568 คาดโต 2.8% ชี้ความเสี่ยงอยู่ที่นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ หนี้ครัวเรือน-ธุรกิจสูง
• ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านสหรัฐฯ พ.ย. เพิ่มสู่ระดับ 46 สูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าตลาดคาด หนุนจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้นและความหวังรัฐบาลจะผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดที่อยู่อาศัย
• วานนี้รัสเซียได้โจมตีทางอากาศครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือนต่อยูเครน สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ โจมตีรัสเซีย ทำให้อาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
• รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีส่งออกอลูมิเนียม 13% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ส่งผลให้ราคาหุ้นผู้ผลิตอลูมิเนียมปรับลงวานนี้ ขณะที่ราคาอลูมิเนียมในตลาดลอนดอน (LME) ปรับตัวขึ้นราว 6%
• The Information รายงาน Blackwell ชิป AI รุ่นใหม่ของ Nvidia กำลังประสบปัญหาความร้อนสูงเกินไป สร้างความกังวลต่อความล่าช้าในการเปิด Data Center ซ้ำเติมจากเดิมที่มีปัญหาการส่งล่าช้า
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway ปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนและกระแสเงินที่ไหลเข้าหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ รวมถึงกระแสเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีนจาความกังวลนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศมองอยู่ในช่วงปรับประมาณการของบจ. และกำไรตลาด หลังภาพรวมกำไรของ SET 3Q67 อ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งมีประเด็นต้องติดตามจากบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในวันที่ 19 พ.ย. และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องคดียุบพรรคเพื่อไทยในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ โดยปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังอยู่ระหว่างรอดูนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศรอดูรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติมกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Event Play ที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ แจกเงินหมื่นบาทเฟส 2, ช้อปดีมีคืน (Easy E-Receipt) แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP)
2. หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากดอลลาร์แข็งค่า/บาทอ่อนค่า แนะนำกลุ่มที่มีรายได้จากการส่งออก (CPF DELTA) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT)
3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP CBG AMATA AU TIDLOR
4. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO
DAILY TOP PICKS
CPALL: 4Q67 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 โดยเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season และยอดขายสาขาเดิมยังเติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งมาร์จิ้นยังกว้างขึ้นต่อเนื่องจากกมียอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นศก. เพิ่มเติมของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการ
PTTEP: มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น และยังนับเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.0 หมื่นลบ. เติบโต 2%YoY ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 125 บาท
ข่าวเด่น