หุ้นทอง
"ทรีนีตี้" โชว์กำไรงวด 9 เดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 102.22 โกยรายได้ 439.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 119.22 จากงวดเดียวกันปีก่อน


“ทรีนีตี้” โชว์กำไรงวด 9 เดือนปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 102.22 คิดเป็นกำไรสุทธิรวม 7.48 ล้านบาทเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 336.53 ล้านบาท รายได้รวมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์งวด 9 เดือนปี 67 พุ่งจาก 200.37 ล้านบาทเป็น 439.25 ล้านบาท ถือเป็นการเพิ่มร้อยละ 119.22  จากงวดเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมที่ลดลง แต่ปริมาณการซื้อขายกลุ่มลูกค้ารายย่อยของบริษัทเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิ 9.01 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นร้อยละ 87.84 เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 74.16 ล้านบาท
 
 
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY) เปิดเผยในงาน  Opportunity Day ว่าปีนี้ผลดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยออกมาดีตามคาดจากแผนธุรกิจของบริษัทที่เดินหน้าเต็มรูปแบบ ส่งผลให้งวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 439.25 ล้านบาทเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 119.22 เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 200.37 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 7.48 ล้านบาทเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 102.22 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 336.53 ล้านบาท 
บริษัทมีรายได้จากธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการเพิ่มบุคลากรที่ให้บริการลูกค้าด้านแนะนําการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยในงวด 9 เดือนปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 11.24  ล้านบาท เป็น 23.74 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 111.21 จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนให้มาร์เก็ตแชร์ของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.23 เมื่อปี 2566 เป็น 0.93 ในงวด 9 เดือนปี 2567  
 
สำหรับรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์งวด 9 เดือนปี 2567 อยู่ที่ 85.41 ล้านบาท ลดลงในอัตราร้อยละ 16.36 จาก 102.12 ล้านบาทในงวด 9 เดือนปี 2566 เป็นผลจากการลดลงของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงเหลือ 46,252 ล้านบาท ลดลงในอัตราร้อยละ 17.71 จาก 56,208 ล้านบาทต่อวันในงวดเดียวกันของปีก่อน   
 
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการงวด 9 เดือนปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 55.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 32.89 จาก 42.02 ล้านบาทในงวด 9 เดือนปี 2566 เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจัดจําหน่ายหลักทรัพย์ ขณะที่งวดไตรมาส 3 รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการเพิ่มขึ้นจาก 11.97 ในไตรมาส 3 ปี 2566 เป็น 14.36 ล้านบาทในงวดเดียวกันปี 2567 หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 20.07 เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนส่วนบุคคล

“หากปีนี้ผลประกอบการของบริษัทมีกำไร เราคาดว่าจะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้เหมือนกับที่ผ่านมาที่บริษัทจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ หลังผลดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องจนทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ล่าสุดกลับมาเป็นบวกแล้ว” ดร.วิศิษฐ์กล่าว
 
สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสําคัญต่อเศรษฐกิจโลกทําให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลเสียต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทย 
 
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 บริษัทยังสามารถสร้างรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นโดดเด่นกว่าปีที่ผ่านมา จากกลยุทธ์ที่มีการเพิ่มบุคลากรที่ช่วยสร้างรายได้ โดยเน้นไปที่การให้บริการลูกค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ทำให้บริษัทมีปริมาณการซื้อขายของกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในไตรมาส 3 นี้ธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว และบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถดันมาร์เก็ตแชร์ธุรกิจนี้ ให้เติบโตติด Top 5 ให้ได้ในอนาคตอันใกล้
 
ในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทมีการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ได้ดำเนินการไปแล้วต้นปี 1 บริษัท และมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯในช่วงปลายปีอีก 1 บริษัท คือ บมจ.โรงพยาบาลนครธน รวมถึงการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้ การเป็นที่ปรึกษาในการออกตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  และคาดว่าสิ้นปีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจจะกลับไปเติบโตเท่าปี 2565 ที่มีรายได้ 102 ล้านบาท  
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 พ.ย. 2567 เวลา : 11:45:02
21-11-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (21 พ.ย.67) ลบ 22.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,440.46 จุด

2. ประกาศ กปน.: 26 พ.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนเพชรเกษม

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 พ.ย.67) ลบ 18.69 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,443.79 จุด

4. MTS Gold คาดมีกรอบแนวรับ 2,630 เหรียญ และมีแนวต้านที่ 2,675 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.67) พุ่งขึ้น 20.70 เหรียญ เหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน หนุนแรงซื้อทอง

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.67) บวก 139.53 จุด นักลงทุนจับตาผลประกอบการ Nvidia

7. มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อากาศเย็นตอนเช้า "ยอดดอย" อุณหภูมิต่ำสุด 7 องศา "ยอดภู" 13 องศา ภาคใต้ ฝน 60-70%

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (21 พ.ย. 67) ลบ 16.23 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,446.25 จุด

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (21 พ.ย. 67) พุ่งขึ้น 400 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,000 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (21 พ.ย.67) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 34.64 บาทต่อดอลลาร์

11. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.75 บาท/ดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (20 พ.ย.67) บวก 2.37 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,462.48 จุด

13. ประกาศ กปน.: 25 พ.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (20 พ.ย.67) ลบ 3.23 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,456.88 จุด

15. MTS Gold คาดมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,620 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,655 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 21, 2024, 8:35 pm