เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "ส่งออกยางรถยนต์ไทยไปสหรัฐฯ อาจยังโตได้ แม้เจอมาตรการปกป้องการค้าภายใต้ Trump 2.0"


· ในปี 2568 ยางรถยนต์ไทยอาจเจอมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ในอัตราที่เท่าเทียมจากสหรัฐฯ ซึ่งจะไม่กระทบส่งออกยางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพ ทว่าอาจกระทบส่งออกยางรถบัส & รถบรรทุกจากความเสี่ยงด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

· การส่งออกยางรถยนต์ไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2568 คาดจะเติบโต 5% โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการส่งออกยางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพ ซึ่งยังสามารถแข่งขันด้านราคาได้ แม้ในกรณีที่ไทยและประเทศคู่แข่งถูกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ

ปัจจุบันไทยมีบทบาทแค่ไหนในตลาดยางรถยนต์สหรัฐฯ ?

สหรัฐฯ นำเข้ายางรถยนต์จากไทยเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 จนล่าสุดในปี 2567 ไทยมีส่วนแบ่งสูงถึง 26% ของตลาดยางรถยนต์นำเข้าของสหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า 58 ล้านเส้น โดยแบ่งเป็นยางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพ 42 ล้านแส้น และยางรถบัส & รถบรรทุก 16 ล้านเส้น ซึ่งในแต่ละประเภทยาง พบว่า สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยในปริมาณที่สูงกว่าคู่แข่งอันดับ 2 อย่างเม็กซิโก และเวียดนาม ถึงเกือบเท่าตัว (รูปที่ 1)

 
ไทยขึ้นเป็นผู้นำส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯ ได้อย่างไร ?

หลังจีนโดนขึ้นภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากมาตรการต่างๆของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2558 ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) และ “มาตรา 301” เพื่อปกป้องการค้าที่ไม่เป็นธรรม การเข้ามาลงทุนผลิตยางรถยนต์ในไทยก็เพิ่มขึ้น จนไทยขึ้นเป็นผู้นำส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯ แทนจีน อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 2564 สหรัฐฯ ก็ตอบโต้การย้ายฐานส่งออกดังกล่าว โดยปรับขึ้นภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากไทยภายใต้มาตรการ AD (รูปที่ 2)


ยุค Trump 2.0 ยางรถยนต์ไทยจะถูกขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ อีกไหม ?

โอกาสส่งออกยางรถยนต์ไทยต้องเผชิญความเสี่ยงอีกครั้ง หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า อาจเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ในอัตราเท่าเทียม โดยจะพิจารณาหลังวันที่ 1 เมษายนนี้ กับประเทศที่เกินดุลสูงกับสหรัฐฯ ซึ่งไทยและประเทศคู่แข่งหลักส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯต่างมีโอกาสเป็นหนึ่งในนั้น ไม่รวมคู่แข่งอย่างเม็กซิโกและแคนาดาที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจาในกรณีถูกเรียกเก็บภาษี 25% จากมาตรการปกป้องการค้าอื่นของสหรัฐฯ

อัตราภาษีตอบโต้ ที่แต่ละประเทศอาจถูกเก็บนั้น เบื้องต้นน่าจะต่างกันไปตามอัตราภาษีนำเข้าที่ประเทศนั้นๆ เรียกเก็บจากสหรัฐฯ (ตารางที่ 1)


หากไทยถูกขึ้นภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ การส่งออกยางรถยนต์เป็นเช่นไร ?

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากไทยและประเทศคู่แข่งต่างก็ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ผลกระทบต่อการส่งออกยางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพไทยไปสหรัฐฯ อาจไม่มาก อย่างไรก็ดี ยางรถบัส & รถบรรทุกอาจเผชิญความเสี่ยงจากความสามารถในการแข่งขันด้านราคาที่ลดลง ดังรายละเอียดต่อไปนี้

 
· โอกาสการส่งออกยางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพไปสหรัฐฯ - คาดยังไปต่อได้ พิจารณาจาก

อัตราภาษีนำเข้ายางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพของไทยที่ต่ำกว่าคู่แข่ง แม้กรณีถูกเก็บภาษีตอบโต้แล้ว เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าปัจจุบันของไทยอยู่

ในระดับไม่สูงแค่ 7.82% ซึ่งมากกว่าอัตราภาษีปกติ (MFN rate) 4% ที่เก็บเป็นการทั่วไปเพียงเล็กน้อย และภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ อาจเก็บจากไทยก็อยู่ในอัตราเพียง 10% ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่ง (รูปที่ 3)

ราคายางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพจากไทยที่รวมภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แล้ว คาดว่าจะต่ำกว่าคู่แข่งหลักแม้กรณีถูกเก็บภาษีตอบโต้เพิ่ม เนื่องจากทั้งราคานำเข้าตั้งต้นและอัตราภาษีตอบโต้ที่ไทยอาจถูกเก็บนั้น ต่างอยู่ในอัตราไม่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง (รูปที่ 4)

· โอกาสการส่งออกยางรถบัส & รถบรรทุกไปสหรัฐฯ - คาดเผชิญความเสี่ยงด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา พิจารณาจาก

อัตราภาษีนำเข้ายางรถบัส & รถบรรทุกของไทยที่จะสูงกว่าคู่แข่งหากถูกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าปัจจุบันของไทยสูงกว่าคู่แข่งอยู่แล้วที่ 16.33% ทำให้แม้จะเจอภาษีตอบโต้ในอัตราที่ต่ำกว่า แต่อัตราภาษีนำเข้าโดยรวมที่ไทยจะถูกเก็บ ก็จะยังคงอยู่สูงกว่าคู่แข่งทั้งหมด (รูปที่ 5)

ราคายางรถบัส & รถบรรทุกจากไทยที่รวมภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แล้ว คาดว่าจะอยู่สูงกว่าคู่แข่ง (รูปที่ 6) โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา ที่ราคาต่ำกว่าไทยไม่น้อยกว่า 24% และกำลังทยอยเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ ขึ้นเรื่อย ๆ (รูปที่ 7)

 
 
ปี 2568 ยางรถยนต์ไทยส่งไปสหรัฐฯ ยังมีโอกาสเติบโตหรือไม่ ?

สำหรับปี 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกยางรถยนต์ไทยไปสหรัฐฯ โดยรวมน่าจะยังมีโอกาสขยายตัว 5% หรือคิดเป็นการส่งออกยางรถยนต์รวม 61 ล้านเส้น

เพราะยางรถยนต์นั่ง & รถปิกอัพ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 72% ของปริมาณส่งออกยางล้อทุกประเภทไปยังสหรัฐฯ ยังสามารถแข่งขันด้านราคาได้ แม้กรณีที่ไทยและประเทศคู่แข่งถูกเก็บภาษีตอบโต้ ซึ่งคาดกันว่าจะเริ่มหลัง 1 เมษายนนี้ อย่างไรก็ดี กรณีหากไทยเป็นประเทศเดียวที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้ หรือคู่แข่งถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า ย่อมกระทบความสามารถในการแข่งขันของยางรถยนต์ไทยอย่างไม่อาจเลี่ยง

บันทึกโดย : วันที่ : 20 ก.พ. 2568 เวลา : 16:43:24
23-02-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ราคาทองวันนี้ 22/02/2568 ปรับเพิ่ม 100 บาท ราคาทองคำแท่ง 46,700 บาท

2. ดาวโจนส์ปิดร่วง 748.63 จุด กังวลภาวะเศรษฐกิจ-ภาษีศุลกากร

3. ทองคำนิวยอร์กปิดลบ $2.90 จากแรงขายทำกำไรหลังทำนิวไฮ

4. พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 22 ก.พ.2568 ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน ฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่

5. ตลาดหุ้นปิดวันนี้ (21 ก.พ.68) บวก 0.60 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,246.21 จุด

6. ประกาศ กปน.: 26 ก.พ. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านตะวันออก) และถนนพระรามที่ 1

7. หุ้นไทยปิดเช้าบวก 1.86 จุด มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 26,511.63 ล้านบาทแกว่งผันผวน ได้แรงซื้อกลุ่ม GULF หนุน คาดบ่ายไซด์เวย์

8. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,910 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,955 เหรียญ

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (21 ก.พ.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.45-33.70 บาท/ดอลลาร์

11. กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. ฝนฟ้าคะนอง 20% ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 30%

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 ก.พ.68) ทำนิวไฮ บวก 20 เหรียญ กังวลภาษีทรัมป์หนุนแรงซื้อทองสินทรัพย์ปลอดภัย

13. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (20 ก.พ.68) ลบ 450.94 จุด หวั่นผลกระทบมาตรการภาษีทรัมป์ ฉุดผลประกอบการวอลมาร์ทร่วง

14. ทองเปิดตลาดวันนี้ (21 ก.พ. 68) ร่วงลง 400 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 47,100 บาท

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (21 ก.พ.68) ลบ 2.08 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,243.53 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ February 23, 2025, 4:10 am