“ไทยสมุทรประกันชีวิต” พร้อมก้าวสู่ปี 2568 ด้วยการใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต การยกระดับบริการ และการเสริมสร้างขีดความสามารถในการวางแผนการเงินของที่ปรึกษาประกันชีวิต โดยเน้นปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย Gen Y ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ออกแบบประกันที่มีความคุ้มค่า และยกระดับที่ปรึกษาประกันชีวิตที่เป็น Gen Y เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างตรงจุด โดยปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยใหม่โต 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดโดยรวมที่คาดการณ์อยู่ที่ 2-3%
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีสินทรัพย์ 106,769 ล้านบาท เงินสำรองประกันชีวิต 79,249 ล้านบาท และอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) 395.17% ซึ่งสูงกว่าเงินกองทุนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดที่ 140% ขณะเดียวกันมีรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 14,123 ล้านบาท และอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 85% โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 4.72% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,110 ล้านบาท
ส่วนในปี 2568 ไทยสมุทรประกันชีวิต ยังคงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับอนาคต แม้ว่าในปีนี้โลกยังคงเต็มไปด้วยความผันผวนไม่แน่นอน จากทั้งความเสี่ยงของนโยบายสหรัฐ และอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้สมาคมประกันชีวิตไทยคาดการณ์ว่า เบี้ยของธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 2568 นี้ จะเติบโตเล็กน้อยระหว่าง 2-3% แต่อย่างไรก็ตาม ไทยสมุทรประกันชีวิต ตั้งเป้าเบี้ยใหม่โต 10% โดยจะมีการควบคุมคุณภาพการเติบโตเพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ "Love Mindset - Love Solution" ใช้พลังความรักเป็นแรงขับเคลื่อนศักยภาพด้านการประกันชีวิตให้เข้าไปมีส่วนช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าประชาชน โดยเพิ่มเติมการพัฒนาโซลูชันหรือทางออกที่เหมาะสมซึ่งมาจากมุมมองของความรักให้สามารถจับต้องได้จริง ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันสะสมทรัพย์ และแบบประกันอื่น ๆ ที่ออกแบบจากความเข้าใจถึงปัญหา ความกังวล และความต้องการที่แตกต่างของแต่ละช่วงวัยในทุกเจนเนอเรชัน พร้อมไม่หยุดในการพัฒนาการบริการให้สอดรับโลกยุคดิจิทัลเพื่อทำให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายตามวิสัยทัศน์ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น OCEAN CLUB Application บริการ OCEAN CONNECT และ OCEAN LIFE DIGITAL HEALTHCARE SERVICES
นอกจากนี้ ไทยสมุทรประกันชีวิต เดินหน้าพัฒนาบริษัทให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในกลุ่ม Gen Y เป็นหลัก โดยสร้างทีมที่ปรึกษาประกันชีวิตยุคใหม่ "New Era Team Power to Success" มุ่งยกระดับที่ปรึกษาประกันชีวิตให้มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมดึงดูดคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Y เข้าร่วมทีม ด้วยการพัฒนาศักยภาพผ่านหลักสูตรอบรมที่เข้มข้นและทันสมัยจาก OCEAN ACADEMY
คุณนุสรา กล่าวว่า Gen Y เป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนมากที่อยู่ในวัยทำงาน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทางไทยสมุทรประกันชีวิต จึงต้องการจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เป็น Target Group หลักของบริษัท ซึ่งจากการศึกษาลักษะพฤติกรรม พบว่าพวกเขามีไลฟ์สไตล์ที่เรียกว่า “Gen Y สายเปย์” กล้าใช้จ่าย รักตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ Enjoy ที่จะใช้เงินไปกับการกินการเที่ยว ฉะนั้นจึงเป็นกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์ แต่จะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ใช้เงินอย่างถูกวิธี ด้วยการแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาวางแผนจัดการความเสี่ยงเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต ทางไทยสมุทรประกันชีวิต จึงนำศักยภาพด้านประกันชีวิต มาเป็นตัวช่วยสำคัญในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของคน Gen Y ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. “แบรนด์ที่โดนใจ” มากกว่าความน่าเชื่อถือ ซึ่ง แบรนด์ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในปี 2568 จะต้องทัชใจโดนใจ Gen Y มากยิ่งขึ้น ด้วยแคมเปญใหม่ การนำเสนอรูปแบบใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้
2. “แบบประกันและบริการที่คุ้มค่า” Gen Y ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย ดังนั้นบริษัทจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ หรือประกันโรคร้ายแรง ที่มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่า จึงเป็นทางเลือกที่สอดรับกับความต้องการของ Gen Y
3. “ที่ปรึกษาประกันชีวิตที่เข้าใจคนรุ่นใหม่” นอกจากการพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตสู่การเป็นที่ปรึกษาประกันชีวิต บริษัทยังเน้นเสริมทัพคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยทีม ในการรองรับดูแลลูกค้าที่เป็น Gen Y มากยิ่งขึ้น
โดยการมีที่ปรึกษาประกันชีวิต จะไม่ใช่ลักษณะการตื้อให้ซื้อประกัน แต่จะช่วยชี้แนะให้ความรู้ความเข้าใจ วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคนที่กำลังหาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อปิดความเสี่ยงอย่างตอบโจทย์ รวมถึงสร้างการตระหนักรู้ว่าชีวิตคนเราจะมีชีวิตที่ยืนยาวได้ถ้าดูแลสุขภาพตัวเอง ฉะนั้นจึงต้องมีการวางแผนทางการเงินให้ดีและช่วยกันรักษ์โลกเพื่อประกันความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต ซึ่งการจะสื่อสารตรงนี้ให้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ Target Group บริษัทจึงพยายาม Recruit คนขายและพัฒนาบุคลากรที่เป็น Gen Y มากขึ้นเพื่อทดแทนคนรุ่นเก่า
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีการเทรนด์และพัฒนาที่ปรึกษาประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดทั่วประเทศ เป็นผลให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น โดยวัดจากการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นของที่ปรึกษาประกันชีวิตในสัดส่วนที่มากขึ้น 30-40% จากเดิม 20-25% และส่งผลให้เบี้ยมีทิศทางที่สูงขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และไทยสมุทรประกันชีวิต ก็ได้เดินหน้าผลักดันแคมเปญ Love Mindset มาโดยตลอด เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตด้วยพลังแห่งรักใน 3 ด้าน ได้แก่ Love Your Health, Love Your Wealth และ Love The World เพื่อให้ทุกคนสามารถปรับตัวและรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง
สำหรับในปีที่ 76 ของบริษัทนี้ ไทยสมุทรยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนแคมเปญ Love Mindset โดยเพิ่มศักยภาพผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight-Driven Solutions) เพื่อเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า Gen Y อย่างแม่นยำ และนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น ผ่าน 3 โซลูชันหลัก ได้แก่
1. Healthiverse Solution – พบคำตอบของความรักสุขภาพ เริ่มที่ตัวเอง ดูแลคนที่รักให้สุขภาพดีไม่ป่วย ปิดความเสี่ยงด้วยประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ที่มาพร้อมบริการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร
2. Wealthiverse Solution – พบคำตอบของความรักการออมและการวางแผนการเงิน เริ่มด้วยการใช้เงินเป็น มีเหลือเก็บ รู้จักลงทุน และใช้ประกันสะสมทรัพย์ หรือ ประกันชีวิตควบการลงทุน เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือช่วยปิดความเสี่ยงทางการเงิน
3. Happiverse Solution – พบคำตอบของความรักษ์โลก เราหวังเห็นทั้งสิ่งแวดล้อม และสังคมที่ดี มีความยั่งยืน ทุกเจนเนอเรชันอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยการเดินหน้าสร้าง Roadmap สู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตด้านความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
“Gen Y เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความรักตัวเอง ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมที่ปัญหาของ Mental Health สูงขึ้นในสังคม และอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล หรือ Medical Inflation ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากปีที่แล้วที่เติบโตขึ้น 15.2% ส่วนปีนี้คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 14.2% ทำให้ผู้คนมีความตระหนักถึงประกันสุขภาพมากขึ้น ฉะนั้นการเสนอโซลูชันทั้ง 3 ข้อนี้จึงตอบโจทย์กับกลุ่มคน Gen Y โดยที่ถ้าหากมีการตระหนักรู้ว่าการดูแลสุขภาพก็สามารถทำให้เรามีอายุที่ยืนยาวหลังเกษียณได้นานขึ้นแล้ว เงินเก็บ 4-5 ล้านบาท หลังอายุ 60 ปี อาจไม่เพียงพออีกต่อไป จึงต้องมีโซลูชันวางแผนการออมเงิน รวมถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสังคมที่ลูกค้าจะดำรงอยู่ในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” คุณนุสรา กล่าว
นอกจากนี้ คนกลุ่ม Gen Y ที่โตมากับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้พวกเขาต้องการความเร็ว ฉะนั้นจึงต้องมีการบริการที่มีความรวดเร็วทันที ทางไทยสมุทรประกันชีวิต จึงได้เดินหน้าพัฒนา E-Service อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น E-Buy การซื้อประกันออนไลน์ E-Application ขั้นตอนการขอทำประกันที่สามารถทำธุรกรรมแบบ Real-time E-Policy กรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ E-Claim เคลมออนไลน์ 24 ชั่วโมง และ E-Loan กู้เงินตามกรมธรรม์ได้ง่าย ๆ รวมถึง OCEAN CONNECT ช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อลูกค้าผ่าน LINE Official Account @oceanlife ช่วยให้สามารถลงทะเบียนตรวจสอบกรมธรรม์ ชำระเบี้ย เช็คสถานะการเคลม ค้นหาโรงพยาบาลคู่สัญญาได้ง่าย และบริการอื่น ๆ อีกมากมายครบจบในที่เดียว
และอีกก้าวสำคัญคือ OCEAN CLUB APP ที่ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพครบวงจรด้วยฟีเจอร์ Nutrition – Exercise – Relax พร้อม AI วิเคราะห์ความเสี่ยงโรคมะเร็ง และจับคู่กับอุปกรณ์ Wearable เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพได้ รวมถึงยังเป็นแอปสำหรับสะสม Ochi Coin ใช้แลกรับสิทธิประโยชน์พิเศษอีกมากมาย ไปจนถึง OCEAN LIFE DIGITAL HEALTHCARE SERVICES ที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพทั้งก่อนป่วย ระหว่างป่วย และหลังป่วยสำหรับลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร โดยเฉพาะ ล่าสุดได้เปิดบริการ OCEAN LIFE Medical Advisor บริการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง OCEAN LIFE พาหาหมอ บริการช่วยเดินทางพบแพทย์ VNurse Care พยาบาลดูแลถึงบ้าน Telemed ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ร่วมกับ BEDEE ซึ่งเป็นบริการด้านสุขภาพเครือ BDMS และ Asian Assistance บริการช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ไทยสมุทรประกันชีวิต แม้มุ่งตอบโจทย์กลุ่มคน Gen Y แต่ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เรายังพร้อมดูแลทุกเจนเนอเรชันด้วยแบบประกันและบริการที่เหมาะกับความต้องการของทุกช่วงวัยเพื่อให้ทุกคนได้รับความคุ้มครองและการดูแลที่ดีที่สุด
ส่วนในประเด็นการเติบโตของบริษัท คุณนุสรากล่าวว่า “ความมั่นคงทางการเงินของบริษัทเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องตระหนักอยู่ตลอด ถ้าเราจะขายอะไร เราต้องรู้ว่าความเสี่ยงคืออะไรและแบกความเสี่ยงให้ได้ ถ้าจะลงทุนอะไร ก็ต้องดูแลและรองรับความเสี่ยงจากการลงทุนในทุกมิติ ส่วนในด้าน Operation ก็ต้องบริหารให้งานออกมามีคุณภาพที่ดีร่วมกับการลดความเสี่ยงไปด้วย ถึงแม้ยอดกำไรของไทยสมุทรประกันชีวิตอาจไม่ได้มากมายแบบก้าวกระโดด แต่เราเน้นการเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืน สะท้อนได้จากผลประกอบการของ Bottom Line บริษัทที่ยังไปได้ดี และก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะที่ปรึกษาประกันชีวิต”
ข่าวเด่น