(+) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน โดยการคว่ำบาตรครั้งนี้พุ่งเป้าไปยังโรงกลั่นน้ำมันของจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอิหร่านมากที่สุด การคว่ำบาตรนี้มีขึ้น หลังสหรัฐฯ และอิหร่านกลับมาเจรจาอีกครั้งในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
(+) สมาชิกกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC) ได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อชดเชยกับการผลิตที่เกินโควต้า จากเดิมที่ระดับ 0.19-0.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 0.20-0.52 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 68 - มิ.ย. 69
(+/-) สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ระดับ 5.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 5.2% เช่นเดียวกับตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน มี.ค. 68 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวไม่สะท้อนภาพเศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่ระดับ 145%
(+/-) ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 1.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 1.3% อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวอาจสูงกว่าปกติจากการที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ เลือกกักตุนสินค้าก่อนที่รัฐบาลจะประกาศมาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้กับประเทศต่างๆ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดูไบ หลังตลาดคาดความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในฟิลิปปินส์มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของออสเตรเลียในเดือน ก.พ. 68 ที่ปรับลดลง 4.62% สู่ระดับ 7.78 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ตลาดได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดีเซลของออสเตรเลียในเดือน ก.พ. 68 ที่ปรับลดลง 23% สู่ระดับ 15.81 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดันจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลของญี่ปุ่นที่อาจปรับลดลง ภายหลังรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันหน้าปั้ม
ข่าวเด่น