
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังตลาดคาดการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงได้ โดยล่าสุดประธานาธิปดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีอิตาลีนายจอร์เจีย เมโลนี มีการเจรจากันที่กรุงวอชิงตัน ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบอาจฟื้นตัวได้
(+) อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว หลังสหรัฐฯ ยังคงคว่ำบาตรอิหร่าน และประเทศต่างๆ ที่ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน โดยล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรจีนครั้งใหม่ โดยเป็นการคว่ำบาตรโรงกลั่นจีนขนาดเล็ก (Teapot) ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบอาจลดลง
(-) อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC) องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) กลุ่มธนาคารต่างๆ เช่น Goldman Sachs และ JPMorgan ได้ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ และอุปสงค์น้ำมันดิบเติบโตลดน้อยลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความกังวลเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐฯ ต่อประเทศต่างๆ และมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ของแต่ละประเทศ จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดูไบ หลังสต็อคน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 เม.ย. 68 ปรับลดลง สู่ระดับ 234 ล้านบาร์เรล เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 236 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 11 เม.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 8.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลอินเดียเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นอินเดียส่งออกเพิ่มขึ้น 0.11 ล้านตัน เดือน พ.ค. 68 อย่างไรก็ตาม สต็อคน้ำมันดีเซลสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 เม.ย. 68 ปรับลดลง 1.64 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 100.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ พ.ย. 67
ข่าวเด่น