บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM เสิร์ฟข่าวดีนักลงทุน ก่อนก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai ฟอร์มสวย Q1/2568 โกยรายได้จากการขายและบริการรวม 155.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.48%(YoY) ขณะที่กำไรสุทธิ 31.93 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 20.48% โดยกำไรสุทธิเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 150.06%(YoY) จาก 3 กลุ่มธุรกิจดันผลการดำเนินงานพุ่ง ประกาศศักดายืนหนึ่งในผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาด แก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ ชูจุดเด่นการเป็น “เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” จ่อเดินหน้ารุกระดมทุนขายหุ้น PO จำนวน 64.20 ล้านหุ้น ภายในปีนี้
นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM หนึ่งในผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 21.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ LiVEx มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
“สาเหตุที่ MMM เสนอขายหุ้นในรูปแบบ PO เนื่องจาก บริษัทฯ เคยเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 3 ล้านหุ้น และเข้าทำการซื้อขายในตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เป็นรายที่ 4 ในช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ภายใต้ชื่อย่อ MMM23 มาแล้ว ดังนั้นการเข้าระดมทุนในครั้งนี้จึงเป็นรูปแบบการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป หรือ PO”
สำหรับโมเดลธุรกิจของ MMM นั้น ยังคงมุ่งเน้นการเป็นผู้ให้บริการด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ภายใต้แนวคิดการเป็น “เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” สะท้อนถึงความสำเร็จในผลการดำเนินงานไตรมาส1/2568 ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 155.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.48%(YoY) และมีกำไรสุทธิ 31.93 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 20.48% โดยกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 150.06%(YoY) จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริหารงานขายโครงการ (BU2) เป็นหลัก ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเป็นที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) ดังนั้นบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากการเติบโตที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนก่อนที่จะนำหุ้นเข้าระดมทุนในครั้งนี้
สำหรับสัดส่วนรายได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
1.รายได้จากที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) มีรายได้ 78.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.73% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับรายได้ต่อยูนิตสูงขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น และจากการที่บริษัทฯ ขายทรัพย์ที่อยู่ในระยะเวลาช่วงแรกของสัญญาสำหรับโครงการที่ทำสัญญาในลักษณะ Hybrid – BU1 ได้เพิ่มขึ้น
2.รายได้จากการบริหารงานขายโครงการ (BU2) มีรายได้ 57.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 569.98% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับโครงการที่บริษัทฯ ให้บริการ มีรายได้ต่อยูนิตสูงขึ้น จากการปรับกลยุทธ์การขายทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น และจากการที่สามารถขายทรัพย์ที่อยู่ในระยะเวลาช่วงที่ 2 ของสัญญาสำหรับโครงการที่ทำสัญญาในลักษณะ Hybrid – BU2 ได้เพิ่มขึ้น และ
3. รายได้จากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) บริษัทฯ มีรายได้ 19.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210.20% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MMM กล่าวเพิ่มเติมว่า MMM ถือว่าเป็นบริษัทแรกที่จะย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ดังนั้น การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของบริษัทฯ ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจสู่การต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตธุรกิจ เช่น การวางเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และสัญญาการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2) รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ(Hybrid) อีกทั้งยังใช้เพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) ส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
.jpg)
ข่าวเด่น