แบงก์-นอนแบงก์
เมย์แบงก์ เปิดโลกการลงทุนต่างประเทศผ่าน DR พานักลงทุนไทยสู่โอกาสระดับโลก


บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR (Depositary Receipt) จัดงานสัมมนา “Let’s Go DR กับเมย์แบงก์” เพื่อให้ความรู้และเปิดมุมมองใหม่แก่นักลงทุนไทย ในการกระจายพอร์ตสู่หุ้นคุณภาพระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในรูปแบบเงินบาท  โดยมี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากเมย์แบงก์และพันธมิตรหลักอย่าง ธนาคารกรุงไทยร่วมให้ข้อมูลเชิงลึก และแบ่งปันแนวโน้มการลงทุนทั่วโลก พร้อมแนะนำกลยุทธ์การเลือก DR อย่างมีหลักการและมีประสิทธิภาพ
 
DR คือ ตราสารที่อ้างอิงหุ้นต่างประเทศ โดยสามารถซื้อขายได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในรูปแบบเงินบาท ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นชั้นนำจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนการเปิดบัญชีในต่างประเทศ หรือความซับซ้อนด้านภาษี ปัจจุบัน ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ออก DR รายใหญ่ที่สุดในไทย มี DR จำนวน 41 หลักทรัพย์ ที่อ้างอิงหุ้นชั้นนำจากสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ รวมถึง Apple, Microsoft, Tesla, Netflix, Ferrari, L’Oreal, Alibaba และ Tencent คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของมูลค่าตลาด DR รวมกว่า 35,000 ล้านบาท และมีแผนทยอยออก DR ใหม่ทุกไตรมาส

 
นายอารภัฎ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมย์แบงก์เล็งเห็นโอกาสการลงทุนต่างประเทศผ่าน DR มาตั้งแต่ 3 ปีก่อน และได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่างธนาคารกรุงไทย เพื่อคัดสรรหุ้นต่างประเทศที่มีศักยภาพให้แก่นักลงทุนไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาการเติบโตระยะยาวและต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต”

 
ด้าน นายต่อตระกูล สัตยาประเสริฐ หัวหน้าสายงาน Structuring and Products Development ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลตอบแทนของดัชนีต่างประเทศ เช่น Nasdaq-100, S&P 500 และ Euro Stoxx 50 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สูงกว่าดัชนี SET100 อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงโอกาสในการลงทุนต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่า นอกจากนี้ DR ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับกลยุทธ์ลงทุนตามสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่น และไม่ต้องกังวลกับกฎระเบียบหรือข้อจำกัดของการลงทุนต่างประเทศ เพราะสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นไทยบนกระดาน SET ด้วยภาษีและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า

ธนาคารกรุงไทย ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นผู้ออก DR แต่ยังทำหน้าที่เป็น Market Maker ดูแลสภาพคล่องของ DR ในตลาด ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย DR ได้สะดวกในรูปแบบเงินบาท ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศ โดยมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายเทียบเท่าหุ้นไทย อีกทั้งไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gain Tax) ไม่ต้องจ่ายค่าบริหารจัดการรายปี (Management Fee) หรือค่าธรรมเนียมรายปีอื่นๆ ยกเว้นเฉพาะเงินปันผลที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เช่นเดียวกับหุ้นไทยทั่วไป การลงทุนใน DR ผู้ลงทุนควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของผู้ออก DR และขนาดของมูลค่าตลาด (Market Cap) เพื่อให้มั่นใจว่ามีสภาพคล่องดี ซื้อขายได้ง่าย และราคาสะท้อนมูลค่าที่เหมาะสมกับหุ้นอ้างอิง รวมถึงตรวจสอบว่าหลักทรัพย์อ้างอิงถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและแยกจากสินทรัพย์ของผู้ให้บริการอย่างเหมาะสม

 
ภายในงาน ยังมีทีมงานนักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ โดย นางสาวปัณฑารีย์ เถื่อนถนอม Investment Solutions และ นายธรรณพ ชำนาญศิลป์, CFP® Vice President , Investment Solution ร่วมแนะนำ 4 DR เด่นที่น่าจับตาในช่วงเวลานี้ ซึ่งสะท้อนโอกาสการเติบโตจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ได้แก่ VISA80 ผู้นำระดับโลกด้านระบบการชำระเงิน ซึ่งเติบโตต่อเนื่องตามแนวโน้มการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดและธุรกรรมดิจิทัลทั่วโลก อีกทั้งยังมีการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อแข่งขันกับผู้ให้บริการชำระเงินรายใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีคริปโตประเภท Stablecoin LLY80 (Eli Lilly) หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ได้รับแรงหนุนจากยอดขายยาเบาหวานรุ่นใหม่ (Mounjaro) พร้อมการลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ที่อาจได้รับประโยชน์จากนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของรัฐบาล XIAOMI80 หุ้นเทคโนโลยีจีนที่ได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ Smart EV และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล แม้จะมีความท้าทายจากสงครามราคารถ EV แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบน ทำให้ยังคงมี Upside ที่น่าจับตา และ TENCENT80 หุ้นบลูชิพจีนที่กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายกฎระเบียบธุรกิจเกม ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของบริษัท ขณะเดียวกันยังลงทุนพัฒนา Hunyuan AI ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ในกลุ่มโฆษณาและฟินเทค โดย DR ทั้ง 4 ตัวนี้มี Upside อยู่ระหว่าง 8.2% ถึง 26.5% สะท้อนโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจในระยะข้างหน้า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตสู่ต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและมองหาโอกาสจากหุ้นชั้นนำทั่วโลก

 
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่เริ่มเปิดรับโอกาสจากหุ้นต่างประเทศ หรือผู้ที่มองหากลยุทธ์กระจายความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ DR คือทางเลือกการลงทุนที่เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และมีความยืดหยุ่นสูง เมย์แบงก์พร้อมเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่ให้ข้อมูลเชิงลึก วิเคราะห์แนวโน้มอย่างต่อเนื่อง และช่องทางการลงทุนที่สะดวกผ่านแอป Maybank Invest (MBI) เพื่อสนับสนุนทุกก้าวของการลงทุนใน DR อย่างมั่นใจ และเปิดประตูสู่โอกาสระดับโลกได้ในแบบที่แต่ละพอร์ตต้องการ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.ค. 2568 เวลา : 13:06:27
11-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 17 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนศรีนครินทร์ตัดถนนหนามแดง-บางพลี

2. ประกาศ กปน.: 19 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนประเสริฐมนูกิจ

3. ตลาดหุ้นปิด (9 ก.ค.68) ลบ 5.25 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,110.40 จุด

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (9 ก.ค.68) ลบ 4.05 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,111.60 จุด

5. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,290 เหรียญ และ 3,340 เหรียญ

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (9 ก.ค.68) ลดลง 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 51,800 บาท

7. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (9 ก.ค.68) บวก 0.60 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,116.25 จุด

8. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (8 ก.ค.68) ร่วง 25.90 เหรียญ เหตุบอนด์ยีลด์พุ่ง-ดอลลาร์แข็งค่า

9. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (8 ก.ค.68) ร่วง 165.60 จุด ทรัมป์ไม่ขยายเส้นตายรีดภาษีการค้า 1 ส.ค.

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (9 ก.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.57 บาทต่อดอลลาร์

11. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.75บาท/ดอลลาร์

12. พยากรณ์อากาศวันนี้ (9 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคตะวันออก 70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคกลาง 60% ภาคใต้ 40-60%

13. ประกาศ กปน.: 12 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง

14. ตลาดหุ้นปิด (8 ก.ค.68) ลบ 7.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,115.65 จุด

15. MTS Gold คาดว่าจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,300 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,350 เหรียญ ยังคงแนะนำให้ทำกำไรในกรอบแคบ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 11, 2025, 9:40 am