เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
SCB CIO คาดเฟดลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 50 bps หลังตลาดแรงงานอ่อนแอมองหุ้นกลุ่ม AI เติบโตต่อเนื่องหนุนกลุ่มเทคโนโลยีทั้งสหรัฐฯ และจีน


SCB CIO คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 50bps ภายในปีนี้ จากตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ส่วนภาษีนำเข้ากระทบต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ จำกัดในปีนี้ และจะชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า มองกลุ่ม AI มีพลังขับเคลื่อนมหาศาล หนุนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ SCB CIO มีมุมมองสอดคล้องกับ BlackRock ที่มองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ Valuation ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐฯ แนะพอร์ตระยะยาว  ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และหุ้นจีน All Shares รับแรงหนุนจากเฟดปรับลดดอกเบี้ย ส่วนพอร์ตระยะสั้น  เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก  หุ้นดัชนี S&P 500 และ Nasdaq 100 รวมทั้ง จีน A-share ด้านตราสารหนี้ เน้นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูงระยะสั้น
 
 
นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB CIO ได้แลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนกับ BlackRock ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก โดยประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 50 bps ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็นผลจากตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ ขณะที่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนภาษีนำเข้ายังส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯจำกัดในปีนี้ โดยผลกระทบจะชัดเจนมากขึ้นในปี 2569 ซึ่งในภาวะเช่นนี้จะช่วยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Pro-Risk) รวมถึงตลาดหุ้น โดยคาดว่าตลาดหุ้นจะปรับขึ้นในวงกว้าง 
 
ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรม AI ที่เป็นหนึ่งในพลังการขับเคลื่อนมหาศาล (Mega Forces) จากการช่วยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ โดย BlackRock คาดว่า จะสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 15% ต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังเป็นแรงขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดหุ้นนอกสหรัฐฯ ด้วย เช่น จีน ที่มีการพัฒนาระบบ AI ecosystem มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ผลตอบแทนของตลาดหุ้นนอกสหรัฐฯส่วนใหญ่ ยังมาจากการเพิ่มขึ้นของ Valuation มากกว่าปัจจัยพื้นฐานด้านกำไร 
 
“SCB CIO มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีน จากการเติบโตต่อเนื่องของ AI ecosystem ในจีน หลัง DeepSeek เปิดตัวโมเดลใหม่ DeepSeek V3.2-Exp ส่วนผู้ผลิตชิปต่างๆ เช่น Cambricon และ Huawei เปิดเผยว่า ระบบได้ปรับให้รองรับโมเดลใหม่แล้ว ซึ่งความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตชิปและผู้พัฒนาโมเดลของจีน จะช่วยเร่งวงจรนวัตกรรม ทำให้สามารถใช้ศักยภาพชิปได้เต็มที่ ช่วยขับเคลื่อนความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวกับ AI ในจีนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ BlackRock ถึงแม้จะยังมีมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นจีน แต่มีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนจากValuationของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนที่ยังต่ำกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ” นายศรชัย กล่าว  
 
ในส่วนของญี่ปุ่นที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เป็น Takaichi ซึ่งมีโอกาสจะได้ขื้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นนั้น มีแนวโน้มจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และดำเนินนโยบายการคลังที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อสนับสนุนครัวเรือนที่เผชิญภาวะเงินเฟ้อสูง และเยียวยาภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่ง SCB CIO มองว่า นโยบายของว่าที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ บวกกับ เงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่า จะส่งให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มได้อานิสงส์จากนโยบาย ได้แก่ กลาโหม, AI และเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางความเสี่ยงทางการเมืองที่ยังอยู่ในระดับจำกัด 
 
จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ SCB CIO แนะนำลงทุนระยะยาวบนพอร์ตหลัก ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และ ตลาดหุ้นจีน All Shares โดยเศรษฐกิจได้แรงหนุนทั้งจากการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed การดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกควบคู่กับนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของผู้นำคนใหม่ในญี่ปุ่น และแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของทางการจีน ในการประชุม 4th Plenum ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากกำไรของบริษัทจดทะเบียน (EPS) ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับธีม AI นอกจากนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถเพิ่มโอกาสการลงทุนระยะสั้นบนพอร์ตเสริม แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq 100) รวมทั้ง ตลาดหุ้นจีน A-share 
 
สำหรับตลาดตราสารหนี้นั้น ประเด็นความกังวลด้านปัญหาขาดดุลการคลัง และสัดส่วนหนี้รัฐบาลต่อ GDP ที่อยู่สูงในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เผชิญแรงกดดันอีกครั้ง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองฝรั่งเศส ส่งผลให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มเพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการถือตราสารหนี้ระยะยาว (Term premium) เพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปี ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอังกฤษ ต่างพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทั้งนี้ SCB CIO แนะนำให้เน้นลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐฯ และหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูงระยะสั้นของสหรัฐฯ
                                                 
จัดทำโดย SCB CIO ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา ผู้ใช้ข้อมูลควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน

คำเตือน 
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน  
• เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
• ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนกองทุนรวมเพิ่มเติมได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ไทยพาณิชย์ จำกัด
• สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ต.ค. 2568 เวลา : 14:55:18
19-10-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (17 ต.ค.68) ลบ 16.85 จุด ดัชนี 1,274.61 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ต.ค.68) ลบ 7.25 จุด ดัชนี 1,284.21 จุด

3. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับ 4,200 เหรียญ และมีแนวต้าน 4,260 เหรียญ

4. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.55 บาท/ดอลลาร์

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (17 ต.ค.68) ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 60-70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 40% ภาคอีสาน 30%

6. ตลาดหุ้นไทยเปิด (17 ต.ค.68) ลบ 8.22 จุด ดัชนี 1,283.24 จุด

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.68) ร่วง 301.07 จุด กังวลความอ่อนแอธนาคารภูมิภาคในสหรัฐ

8. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.68)พุ่ง 103 เหรียญ ทะลุ 4,300 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-เก็งเฟดลดดอกเบี้ย

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (17 ต.ค. 68) พุ่งขึ้นแรง 1,600 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 67,700 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (17 ต.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.51 บาทต่อดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิด (16 ต.ค.2568) บวก 4.77 จุด ดัชนี 1,291.46 จุด

12. ประกาศ กปน.: 21 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำประชานุกูล

13. ประกาศ กปน.: 21 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพุทธมณฑลสาย 1

14. MTS Gold คาดราคาทองยังคงอยู่ในสภาวะ Bullish (ขาขึ้น) ที่แข็งแกร่ง ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับ 4,200 เหรียญ และมีแนวต้าน 4,260 เหรียญ

15. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ต.ค.68) บวก 4.08 จุด ดัชนี 1,290.77 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 19, 2025, 1:14 pm