เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ "เงินบาทแกว่งตัวในกรอบ ก่อนอ่อนค่าท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับดัชนีหุ้นไทยที่ปิดต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน"


สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

· เงินบาทแกว่งตัวในกรอบ ก่อนอ่อนค่าท้ายสัปดาห์

เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้น ๆ ต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติและแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนถ้อยแถลงของประธานเฟด อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลง หลังประธานเฟดมีท่าทีกังวลต่อสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดเพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุม FOMC เดือนต.ค. นี้

นอกจากนี้ ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และสถานการณ์ชัตดาวน์ของหน่วยงานราชการสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยลบต่อทิศทางเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นในเอเชีย


 
· ในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 14-17 ต.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,186 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 1,312 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 1,978 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 666 ล้านบาท)

· สัปดาห์ระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย. ของไทย สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อรายงานโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค.

ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR และข้อมูลเศรษฐกิจจีน ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนก.ย. อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของอังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

· ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง ก่อนพลิกร่วงลงท้ายสัปดาห์

SET Index ร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังล่าสุดจีนมีมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายาก และสหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม ปัจจัยลบดังกล่าวกระตุ้นแรงขายหุ้นหลายกลุ่ม ขณะที่กลุ่มพลังงานมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยมีแรงหนุนจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการประชุมครม. เศรษฐกิจนัดแรก ซึ่งเพิ่มความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับตลาดมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ปัจจัยบวกข้างต้นช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มแบงก์ที่มีแรงซื้อเก็งกำไรก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 อย่างไรก็ดี SET Index พลิกกลับมาร่วงลงแรงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ที่ยังคงยืดเยื้อ

 
· ในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,274.61 จุด ลดลง 0.96% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,738.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.67% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 3.87% มาปิดที่ระดับ 233.02 จุด

· สัปดาห์ถัดไป (20-24 ต.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,265 และ 1,230 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของญี่ปุ่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐฯ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนต.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ต.ค. 2568 เวลา : 19:00:53
19-10-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (17 ต.ค.68) ลบ 16.85 จุด ดัชนี 1,274.61 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ต.ค.68) ลบ 7.25 จุด ดัชนี 1,284.21 จุด

3. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับ 4,200 เหรียญ และมีแนวต้าน 4,260 เหรียญ

4. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.55 บาท/ดอลลาร์

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (17 ต.ค.68) ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 60-70% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 40% ภาคอีสาน 30%

6. ตลาดหุ้นไทยเปิด (17 ต.ค.68) ลบ 8.22 จุด ดัชนี 1,283.24 จุด

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.68) ร่วง 301.07 จุด กังวลความอ่อนแอธนาคารภูมิภาคในสหรัฐ

8. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.68)พุ่ง 103 เหรียญ ทะลุ 4,300 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-เก็งเฟดลดดอกเบี้ย

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (17 ต.ค. 68) พุ่งขึ้นแรง 1,600 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 67,700 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (17 ต.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.51 บาทต่อดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิด (16 ต.ค.2568) บวก 4.77 จุด ดัชนี 1,291.46 จุด

12. ประกาศ กปน.: 21 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำประชานุกูล

13. ประกาศ กปน.: 21 ต.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพุทธมณฑลสาย 1

14. MTS Gold คาดราคาทองยังคงอยู่ในสภาวะ Bullish (ขาขึ้น) ที่แข็งแกร่ง ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับ 4,200 เหรียญ และมีแนวต้าน 4,260 เหรียญ

15. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ต.ค.68) บวก 4.08 จุด ดัชนี 1,290.77 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 19, 2025, 1:14 pm