เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Scoop : "เอาสิทธิคนละครึ่งพลัส ไปแลกเป็นเงินสด" ทำไมถึงทำไม่ได้? แล้วยังมีความผิดฐานฉ้อโกงอีก


เปิดให้ใช้งานได้แล้วสำหรับ “สิทธิคนละครึ่งพลัส” โครงการของรัฐที่ช่วยค่าใช้จ่าย 50% ให้กับประชาชนผู้ที่ได้รับสิทธิ ในทุกการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยใช้ได้สูงสุดวันละ 400 บาท ตามวงเงินทั้งสิ้น 2,000 บาท และ 2,400 บาท (ในกลุ่มที่ไม่ได้ยื่น และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ซึ่งโครงการดังกล่าว รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาค่าครองชีพในสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว ผ่านวงเงินสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ดังนั้นแล้ว หากใครนำสิทธิที่ได้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ อย่างการแลกสิทธิเป็นเงินสด จะถือว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ที่มีโทษทั้งจำทั้งปรับอย่างไม่มีข้อยกเว้น แม้จะอ้างว่าเป็นสิทธิที่เราได้รับมาแล้วก็ตามที
 
อาจจะเป็นจุดที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเงินในโครงการคนละครึ่งพลัส ทั้งที่เป็นเงินรัฐช่วยเรา หรือเงินที่รัฐร่วมจ่ายให้เราเอาไปใช้ซื้อของ ถึงห้ามแลกเป็นเงินสด หรือโอนต่อได้ สาเหตุหลักที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยก็คือ เงินในโครงการนี้ ไม่ได้ให้โดยโอนเข้าบัญชีเราโดยตรง แต่เป็นระบบของรัฐ ที่ให้ “สิทธิร่วมจ่าย” ไม่ใช่การให้เป็น “เงินสดส่วนตัว” หมายความว่า เวลาที่เราซื้อของ 100 บาท จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส เราจะต้องใช้เงินตัวเองจ่าย 50 บาท แล้วอีกครึ่งหนึ่ง 50 บาท รัฐจะเป็นคนช่วยจ่ายให้ ซึ่งเงิน 50 บาทของรัฐนี้ อยู่ในระบบชำระเงินกลาง (แอปพลิเคชัน เป๋าตัง) และจะถูกโอนให้ร้านค้าโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ใช่เงินของเราที่ถือครองได้จริง แต่เป็นสิทธิ ให้รัฐออกเงินแทนเราในสินค้าบางรายการที่กำหนดเท่านั้น
 
กล่าวคือ ทางรัฐบาล ตั้งใจที่อุดหนุนช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาทุกข์ที่เกิดขึ้นจากแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่ “จำเป็น” ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการช่วยค่าใช้จ่ายในรูปแบบของสิทธิผ่านระบบกลาง ทำให้รัฐสามารถตรวจสอบและควบคุมได้ว่า งบประมาณช่วยเหลือที่ให้กับโครงการ จะสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนในหมวดหมู่ค่าครองชีพได้จริง ผ่านการสแกนจ่ายในแอปฯ เป๋าตัง โดยมีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพราะตัวโครงการที่ถูกออกแบบมา สามารถผลักดันให้เกิดการบริโภคและช่วยผู้ประกอบการรายย่อย (SME) อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เกิดเงินหมุนในร้านค้าและบริการในประเทศ
 
นอกจากนี้แล้ว ระบบที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังแอปฯ เป๋าตัง จะเก็บรวมรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน (Big Data) ว่ามีการใช้จ่ายจริงที่ไหน เท่าไหร่ จ่ายไปกับอะไรบ้าง เป้าหมายเป็นใคร ซึ่งจะช่วยประเมินประสิทธิภาพที่ทำให้สามารถออกนโยบายส่งเสริมต่อได้อย่างตรงจุด เช่น หลังจากมีการใช้สิทธิเต็มโครงการคนละครึ่งพลัสดังกล่าวแล้ว รัฐตรวจพบข้อมูลสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีอายุ 45 - 60 ปี มีการนำสิทธิไปจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าปลีกย่อยในพื้นที่บ้านเกิดตัวเอง ทำให้มีเงินหมุนเวียนยังร้านค้าของผู้ประกอบการ SME ที่ส่งผลกระทบทางบวกต่อการบริโภคในจังหวัดเมืองรองที่เพิ่มขึ้นเป็นภาพใหญ่ และอาจยึดโยงเข้ากับจำนวนหนี้ครัวเรือนที่มีระดับลดลง ตัวอย่างนี้ ก็จัดเป็นข้อมูลสำคัญที่รัฐจะเอาไปใช้ในการพิจารณาออกโครงการอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อมาแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนในประเทศได้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เป็นต้น
 
ผิดกับการที่รัฐใช้วิธีเอาเงินสดแจกประชาชนตรง ๆ ซึ่งจะไม่สามารถควบคุมบังคับให้เงินหมุนเวียนในร้านค้าและบริการในประเทศได้ (เช่น เพื่อเพิ่มยอดขายให้ SME) โดยเอื้อให้เกิดช่องทางให้เงิน “หลุด” ออกนอกวงจรที่รัฐตั้งใจไว้ ทั้งทางตรง เช่น ส่งออกเป็นเงินตราต่างประเทศ หรือ โอนต่างประเทศ และทางอ้อม เช่น เอาไปซื้อของร้านค้าที่ไม่เคยแจ้งรายได้เพื่อเสียภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งจัดว่าเป็นเศรษฐกิจนอกระบบ หรือเสี่ยงที่เงินจะไปอยู่ในกระบวนการฟอกเงิน ไม่ก็ไหลเวียนอยู่ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ได้เป็นการช่วยพยุงเศรษฐกิจที่แท้จริงกับงบที่เสียไป อีกทั้งยังส่งผลกระทบเชิงนโยบายและอาจมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจตามมาได้อีก
 
ดังนั้น สิทธิค่าใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งพลัส จึงไม่สามารถเอามาแลกเป็นเงินสดได้ทุกกรณี หากใครกระทำการดังกล่าว หรือสมรู้ร่วมคิดใช้สิทธิโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง ถือว่าเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ที่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการของรัฐอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้คุ้มค่าเลยกับการแลกเงินเข้ากระเป๋าเพียง 2,000 หรือ 2,400 บาท ที่ใช้ได้ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น

LastUpdate 05/11/2568 18:41:44 โดย : Admin
06-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (6 พ.ย.68) บวก 9.78 จุดดัชนี 1,305.07 จุด

2. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (5 พ.ย.68) บวก 225.76 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลเศรษฐกิจ สดใส

3. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (5 พ.ย.68) บวก 32.4 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่ซื้อทองเลี่ยงความเสี่ยงฟองสบู่ตลาดหุ้น

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (6 พ.ย.68) ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 60% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก 20% ภาคกลาง 10% ?พายุคัลแมกี?เคลื่อนเข้าปกคลุม จ.อุบลฯ 7 พ.ย.

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (6 พ.ย. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 61,950 บาท

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (6 พ.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์

8. MTS Gold คาดราคาทองคำรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนเพื่อรอการเลือกทางประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,960-3,930 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,000-4,020 เหรียญ

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (6 พ.ย.68) บวก 7.51 จุด ดัชนี 1,302.80 จุด

10. ตลาดหุ้นปิด (5 พ.ย.68) ลบ 3.31 จุด ดัชนี 1,295.29 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (5 พ.ย.68) ลบ 2.67 จุด ดัชนี 1,295.93 จุด

12. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

13. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (4 พ.ย.68) ร่วง 251.44 จุด หลังแบงก์ใหญ่เตือนตลาดหุ้นเสี่ยงเข้าสู่ภาวะปรับฐาน 10-20%

14. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (4 พ.ย.68) ร่วง 53.50 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่าทุบตลาด

15. MTS Gold ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,920-3,900 เหรียญ และแนวต้านที่ 3,980-4,000 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 6, 2025, 3:49 pm