เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "เศรษฐกิจอินโดนีเซียไตรมาส 3/2025 เติบโต 5.04% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออกที่ยังขยายตัว"


เศรษฐกิจอินโดนีเซียไตรมาส 3/2025 ขยายตัวที่ 5.04%YoY ชะลอตัวจาก 5.12%YoY ในไตรมาสก่อนหน้า (รูปที่ 1) ทำให้ภาพรวม GDP ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ขยายตัวที่ 5.01%YoY ขณะที่การเติบโตในไตรมาสนี้ ยังได้แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐและการส่งออกที่ยังขยายตัวต่อเนื่องแม้บางภาคส่วนเริ่มชะลอลง 

รูปที่ 1: เศรษฐกิจอินโดนีเซียไตรมาส 3/2025 ชะลอตัวเกือบทุกการใช้จ่าย (%YoY) 
 
 
ที่มา: BPS-Statistics Indonesia, CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย 

- แรงขับเคลื่อนหลักจากนโยบายการคลังและการส่งออก (รูปที่ 2) รัฐบาลเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 24.44 ล้านล้านรูเปียห์ (1.5 พันล้านดอลลาร์ฯ) ตั้งแต่เดือนมิ.ย. หนุนให้การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวแรง 5.49%YoY ขณะเดียวกันในด้านการส่งออกสินค้าและบริการยังเติบโต 9.91%YoY แม้ต้องเผชิญภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯที่เริ่มมีผลในเดือน ส.ค.

- แรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลาย หนุนให้การส่งผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดประสิทธิผลมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคบริการและการบริโภค โดยธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกันตลอดไตรมาส 3 เพื่อเสริมสภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงิน 

- แรงฉุดสำคัญมาจากอุปสงค์ในประเทศและการลงทุนที่ชะลอตัว โดยการบริโภคภาคครัวเรือนขยายตัว 4.89%YoY ชะลอลงจากไตรมาสก่อนเพราะฐานสูงจากการใช้จ่ายในช่วงสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด (Eid al-Fitr) ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงเหลือ 5.04%YoY (จาก 6.99%YoY) โดยเฉพาะในหมวดก่อสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์

• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียมีแนวโน้มเร่งตัวขี้นอีกในไตรมาสสุดท้ายของปี จากแรงส่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ (รูปที่ 2) ซึ่งอาจช่วยให้ทั้งปี 2025 เติบโตเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.2% โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการด้านการคลังและการเงินที่ทยอยออกมาตั้งแต่ไตรมาส 3 แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ดังนี้

- แรงขับเคลื่อนจากนโยบายการคลัง รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในเดือนต.ค. วงเงิน 30 ล้านล้านรูเปียห์ (1.8 พันล้านดอลลาร์ฯ) เพื่อกระตุ้นการบริโภคโดยตรงผ่านการแจกเงินสดให้ 35 ล้านครัวเรือน และขยายโครงการฝึกงานสำหรับบัณฑิตจบใหม่เพิ่มอีก 80,000 ราย คาดว่าจะช่วยเร่งการใช้จ่ายและพยุงกำลังซื้อในช่วงปลายปี

รูปที่ 2: มาตรการการคลังออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดปี 2025 
 
 
ที่มา: รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

- นโยบายการเงินยังเอื้อต่อการฟื้นตัว ธนาคารกลางอินโดนีเซียชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อรอดูผลของมาตรการกระตุ้นก่อนหน้า และยังคงมีช่องว่างในการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมถึงไตรมาส 1/2026 หากจำเป็น โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 4.75% ซึ่งยังต่ำเมื่อเทียบกับระดับก่อนหน้า ขณะที่เงินเฟ้อเดือนก.ย. อยู่ที่ 2.65% ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1.5–3.5% และค่าเงินรูเปียห์แม้อ่อนค่าแต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

- การชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศยังเป็นจุดเปราะบาง แม้ภาครัฐเดินหน้านโยบายกระตุ้นต่อเนื่องแต่อุปสงค์ภายในประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ยังอ่อนแรงและชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2025 (รูปที่ 3) ทำให้ต้องจับตาผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะช่วยหนุนการบริโภคซึ่งมีสัดส่วนกว่า 53% ของ GDP ให้กลับมาฟื้นตัวได้เพียงใด 

- การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี การส่งออกสินค้าคิดเป็น 23% ของ GDP โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วน 10% ของการส่งออกทั้งหมด เริ่มชะลอตัวชัดเจนในเดือน ส.ค. เหลือเติบโตเพียง 3.0%YoY (จาก 38.8%YoY ในเดือน ก.ค.) (รูปที่ 3) แม้ข้อตกลงทางการค้าจะช่วยลดภาษีนำเข้าสินค้าอินโดนีเซียเหลือ 19% แต่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สินค้าหลักอย่างปาล์มน้ำมัน รองเท้า เครื่องจักรไฟฟ้า สมาร์ทโฟน ยางล้อ กระเป๋าเดินทาง กุ้งแปรรูป และยางพารา อาจเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว

รูปที่ 3: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2025
 


 
การเติบโตของการส่งออกไปตลาดโลกและสหรัฐฯ เห็นสัญญาณชะลอตัว (%YoY)
 
 
ที่มา: CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 พ.ย. 2568 เวลา : 17:41:11
07-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (7 พ.ย.68) ลบ 1.36 จุดดัชนี 1,311.95 จุด

2. พยากรณ์อากาศวันนี้ (7 พ.ย.68) "พายุคัลแมกี" อ่อนกำลัง จ่อเข้าโขงเจียม อุบลฯ บ่ายวันนี้ ส่งผลฝนฟ้าคะนองในภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 70% ภาคกลาง -ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 60% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ 40%

3. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (6 พ.ย.68) ลบ 1.9 ดอลลาร์ แต่แนวโน้มยังแกร่งจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (6 พ.ย.68) ร่วง 398.70 จุด กังวลฟองสบู่ AI แตก-ศก.ไม่แน่นอน

5. MTS Gold คาดราคาทองคำมีแนวรับที่ 60,600 บาท และแนวต้านที่ 61,600 บาท

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (7 พ.ย. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,150 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (7 พ.ย.68) ลบ 4.41 จุด ดัชนี 1,308.90 จุด

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (7 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นปิด (6 พ.ย.2568) บวก 18.02 จุด ดัชนี 1,313.31 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (6 พ.ย.68) บวก 9.78 จุดดัชนี 1,305.07 จุด

12. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (5 พ.ย.68) บวก 225.76 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลเศรษฐกิจ สดใส

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (5 พ.ย.68) บวก 32.4 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่ซื้อทองเลี่ยงความเสี่ยงฟองสบู่ตลาดหุ้น

14. พยากรณ์อากาศวันนี้ (6 พ.ย.68) ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 60% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก 20% ภาคกลาง 10% ?พายุคัลแมกี?เคลื่อนเข้าปกคลุม จ.อุบลฯ 7 พ.ย.

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (6 พ.ย. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 61,950 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 7, 2025, 5:19 pm