เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "รอเลขแรงงานสหรัฐฯ คืนนี้"


คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/รอเบรก ปัจจัยในประเทศยังขาดปัจจัยใหม่ๆ หนุน รอความชัดเจนเรื่องภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่อาจลดลง ขณะที่นักลงทุน ตปท. ขายสุทธิต่อ ปัจจัยภายนอกติดตามตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ NFPs ที่จะออกมาในคืนนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด หากภาคแรงงานแย่จะหนุนเฟดลดดอกเบี้ย ในขณะที่ตัวเลข PCE สหรัฐฯ จะรายงานในสัปดาห์หน้า ทางเทคนิค แกว่งในกรอบหากหลุดต่ำกว่า 1263 จะกลับมาลงรอบใหม่ หากยืนเหนือ 1280 ได้มีช่วงรีบาวด์ต่อ

ประเด็นสำคัญ

• รมว. คลังเผยความคืบหน้า “คนละครึ่งพลัส” เฟสสองจะเริ่มต้นได้ใน ม.ค. 2569 คาดขนาดโครงการจะใกล้เคียงเฟสหนึ่งที่ราว 4 หมื่นลบ.

• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ ต.ค. 2568 ลดลงสู่ 87.3 กดดันจากการส่งออกสินค้าคงทนที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์สันดาปและเครื่องปรับอากาศ ขณะที่การนำเข้าสินค้าจีนที่เติบโตต่อเนื่องกระทบยอดขายของผู้ผลิตในประเทศ เช่น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า

• บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ในปังกิ่ง Qunar พบว่า นทท. ชาวจีนมีความต้องการเดินทางไปไทย, ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และเวียดนามมากขึ้น หลังกระทรวงต่างประเทศของจีนประกาศเตือนการเดินทางไปญี่ปุ่น และหลายสายการบินขนาดใหญ่ของจีนได้เสนอให้ ผดส. สามารถขอคืนเงินสำหรับเที่ยวบินไปกลับ-ญี่ปุ่นได้ เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวไทย อย่าง CENTEL และ ERW 

• แหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่าจีนจะระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองชาติที่รุนแรงขึ้น มองมีโอกาสทำให้ไทยส่งออกสินค้าทะเลไปจีนได้มากขึ้นและเป็น Sentiment เชิงบวกต่อธุรกิจส่งออกอาหารทะเล อย่าง CFRESH ASIAN และ TU

• FOMC Minutes บ่งชี้ จนท. เฟดเสียงแตกต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนหนึ่งมองจะคงดอกเบี้ยในการประชุมใน ธ.ค. 2568 ขณะที่อีกส่วนมองลดดอกเบี้ยเนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน 

• Nvidia (NVDA.US) เผยผลประกอบการ 3Q68 ดีกว่าที่ตลาดคาด กำไรสุทธิที่ 3.19 หมื่นล้านดอลลาร์ ขยายตัว 65%YoY และให้มุมมองผลประกอบการสำหรับ 4Q68 ที่สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ โดยทางเทคนิคหลังดัชนีหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1285 ทำให้มีโอกาสแกว่งลงไปที่บริเวณ 1265/1240 ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาซึ่งอาจกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น แม้คาดจะมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการ บจ. ไทยโดยรวม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ FOMC Minutes, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญทั้งภาคแรงงาน NFPs และภาคเงินเฟ้อ PCE CPI หากหน่วยงานราชการกลับมาเปิด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BCPG BEM BGRIM PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีซึ่งมี SET ESG Ratings A-AAA เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น โดยคาดจะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หลังหักเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5% และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BAM KTB AP SIRI TOP BLA   

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย 2) หุ้นที่คาดมีโอกาสได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมขังเฉพาะจุด แนะนำ TASCO HMPRO GLOBAL ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่อาจจะได้รับผลกระทบจิตวิทยา หากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาบานปลายรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่าง CBG SAV

Daily Top Picks

DELTA: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากงบ Nvidia ที่ออกมาดีกว่าคาดซึ่งจะช่วยหนุนจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งแนวโน้มกำไรยังแข็งแกร่ง โดย 4Q68 คาดกำไรยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI Data Center ที่ยังค่อนข้างเร่งตัวเร็วขึ้น เป้าหมายระยะสั้น 220 บาท

TU: ราคาหุ้นมีโอกาสได้อานิสงส์บวกจากข่าวจีนจะระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น และการปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปในสหรัฐฯ มีโอกาสหนุนอัตรากำไร แม้อาจกระทบรายได้ ความคืบหน้าการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับ MC หากมีจะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม เป้าหมายระยะสั้น 13.90 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 พ.ย. 2568 เวลา : 12:34:53
20-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดหวาย

2. ตลาดหุ้นปิด (20 พ.ย.2568) บวก 9.64 จุด ดัชนี 1,281.81 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (20 พ.ย.68) บวก 19.25 จุด ดัชนี 1,291.42 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (19 พ.ย.68) บวก 16.30 ดอลลาร์ ก่อนเฟดเผยรายงานการประชุม

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (19 พ.ย.68) บวก 47.03 จุด จับตาผลประกอบการ Nvidia

6. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงมีความผันผวนสูงรอการ Breakout ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,050-4,010 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,100-4,130 เหรียญ

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (20 พ.ย.68) ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวจัด 3 องศา "ยอดภู" 6 องศา ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 80%

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (20 พ.ย. 68) ร่วงลง 500 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 63,400 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (20 พ.ย.68) บวก 18.34 จุด ดัชนี1,290.51 จุด

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60บาท/ดอลลาร์

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (20 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 24 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนประชาชื่น

13. ตลาดหุ้นปิด (19 พ.ย.68) บวก 2.13 จุด ดัชนี 1,272.17 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 พ.ย.68) ลบ 4.20 จุด ดัชนี 1,265.84 จุด

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่ิอคืน (18 พ.ย.68) ลบ 8 เหรียญ จับตาตัวเลขจ้างงานประเมินดอกเบี้ยเฟด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 20, 2025, 8:46 pm