เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "BI คงดอกเบี้ย 4.75% ต่อเนื่องเพื่อพยุงค่าเงินรูเปียห์"


ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.75% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในการประชุมวันที่ 18-19 พ.ย. 2025 พร้อมคงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 3.75% และดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 5.50% โดยเน้นรักษาเสถียรภาพค่าเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ขณะเดียวกันยังต้องทยอยเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ

· เงินเฟ้อแม้เร่งขึ้นแต่ยังอยู่ในกรอบ เปิดทางให้ BI คงแนวโน้มผ่อนคลายทางการเงิน แต่ค่าเงินที่อ่อนค่าทำให้มีข้อจำกัดมากขึ้น โดยเงินเฟ้อเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.86% สูงสุดในรอบ 18 เดือน (รูปที่ 1) จากราคาทองคำ ค่าเทอมที่เปิดปีการศึกษาใหม่ และราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของ BI ที่ 1.5-3.5% อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของรูเปียห์อาจเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไป ซึ่งทำให้การปรับลดดอกเบี้ยมีข้อจำกัดมากขึ้น

รูปที่ 1: BI คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.75% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่เงินเฟ้อปรับสูงขึ้น

BI คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.75% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
 
 
อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือน ต.ค.
 

ที่มา: Bank Indonesia, CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

· ค่าเงินรูเปียห์ยังคงอ่อนค่าแรงจากเงินทุนไหลออก ทำให้ BI ต้องระวังการลดดอกเบี้ย โดยตั้งแต่ต้นปีค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าที่ 3.42%YTD มาอยู่ที่ 16,734 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ฯ ณ วันที่ 18 พ.ย. ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในตราสารหนี้ ทำให้ดุลบัญชีการเงินยังขาดดุลต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี (รูปที่ 2) สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ BI ต้องใช้มาตรการแทรกแซงค่าเงินทั้งตลาดในประเทศกับตลาดนอกประเทศและจำกัดพื้นที่การลดดอกเบี้ย

รูปที่ 2: เงินทุนไหลออกกดดันค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าต่อเนื่องนับจากต้นปี 2025

ในช่วงครึ่งแรกปี 2025 ดุลบัญชีการเงินขาดดุล ค่าเงินรูเปียห์ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง

 
ที่มา: CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

· เสถียรภาพภายนอกมีพัฒนาการเชิงบวก สนับสนุนการผ่อนคลายทางการเงินในปีหน้า โดยทุนสำรองระหว่างประเทศปรับขึ้นเป็น 148.7 พันล้านดอลลาร์ฯ ครอบคลุมการนำเข้าได้ถึง 6.2 เดือน และหนี้ต่างประเทศลดลงมาอยู่ที่ 424.4 พันล้านดอลลาร์ฯ (-0.6%YoY) โดยหนี้ภาคเอกชนหดตัวลง 1.9%YoY และหนี้ภาครัฐเติบโตชะลอลงเหลือ 2.9%YoY ทำให้สัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อ GDP ลดลงเป็นเพียง 29.5% ในไตรมาส 3/2025 (จาก 30.4% ในไตรมาส 2/2025) พัฒนาการเหล่านี้ส่งผลบวกต่อการผ่อนคลายการเงินในช่วงถัดไป

รูปที่ 3: กำลังซื้อในประเทศมีปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 4/2025

การเติบโตของยอดค้าปลีกเร่งขึ้น (%YoY)
 
 
 
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น


 
ที่มา: CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

· อุปสงค์ในประเทศเริ่มฟื้นตัว แต่ยังต้องพึ่งพานโยบายการคลัง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) เดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น (รูปที่ 3) ขณะเดียวกันยอดค้าปลีกขยายตัว 4.3%YoY สะท้อนกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวตามมาตรการการคลังที่ออกมาตั้งแต่เดือนก.ย. วงเงิน 16.23 ล้านล้านรูเปียห์ ตามมาด้วยเดือน ต.ค. วงเงินเพิ่มอีก 30 ล้านล้านรูเปียห์ ทั้งการแจกข้าวสาร ลดภาษี แจกเงินสดและโครงการฝึกงานบัณฑิตใหม่ ซึ่งช่วยพยุงกำลังซื้อช่วงปลายปี แต่ยังเป็นการฟื้นตัวที่ได้แรงหนุนจากการกระตุ้นจากภาครัฐ

· การส่งผ่านนโยบายการเงินสู่สินเชื่อยังอ่อนแรง ทำให้การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง แม้ BI จะลดดอกเบี้ยรวม 150bps ตั้งแต่ปลายปี 2024 แต่การปล่อยสินเชื่อยังขยายตัวช้า สะท้อนประสิทธิภาพการส่งผ่านต้นทุนทางการเงินสู่ภาคเอกชนที่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยสินเชื่อรวมขยายตัวเพียง 7.7%YoY ในเดือน ก.ย. และสินเชื่อธุรกิจขนาดไมโคร ขนาดกลางและขนาดเล็ก (Micro, Small and Medium Enterprises: MSMEs) ซึ่งมีสัดส่วนสินเชื่อราว 18% ของทั้งระบบแต่ขยายตัวเพียง 0.16%YoY (รูปที่ 4)

รูปที่ 4: สินเชื่อในระบบชะลอตัวโดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ MSMEs สะท้อนภาคธุรกิจอ่อนแอ

การเติบโตของสินเชื่อในภาพรวมยังเติบโตช้า
 
 
สินเชื่อธุรกิจในกลุ่ม MSMEs ชะลอตัวต่อเนื่อง

 
ที่มา: CEIC, Bank Indonesia โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

· BI ใช้มาตรการ Macroprudential Liquidity Incentive (KLM) เสริมให้การผ่อนคลายทางการเงินส่งผ่านได้จริงในปี 2026 โดยมีผลตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2025 ผ่านการส่งมอบสภาพคล่องเพิ่มเติมตามความเร็วในการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ เพื่อจูงใจให้ธนาคารลดดอกเบี้ยและเร่งปล่อยกู้ในธุรกิจเป้าหมาย เช่น เกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ก่อสร้าง และ MSMEs มาตรการนี้จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธนาคาร เพิ่มสภาพคล่อง และทำให้ผลของการผ่อนคลายนโยบายการเงินส่งผ่านสู่ภาคเศรษฐกิจจริงได้มากขึ้นในปีหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะมีทิศทางการฟื้นตัวดีขึ้นและเสถียรภาพด้านต่างประเทศมีสัญญาณบวก แต่ค่าเงินที่ยังคงอ่อนค่าและอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ คาดว่า BI จะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีและอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในไตรมาส 1/2026 หากเงื่อนไขด้านค่าเงินและเงินเฟ้อเอื้ออำนวย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 พ.ย. 2568 เวลา : 14:37:27
20-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดหวาย

2. ตลาดหุ้นปิด (20 พ.ย.2568) บวก 9.64 จุด ดัชนี 1,281.81 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (20 พ.ย.68) บวก 19.25 จุด ดัชนี 1,291.42 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (19 พ.ย.68) บวก 16.30 ดอลลาร์ ก่อนเฟดเผยรายงานการประชุม

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (19 พ.ย.68) บวก 47.03 จุด จับตาผลประกอบการ Nvidia

6. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงมีความผันผวนสูงรอการ Breakout ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,050-4,010 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,100-4,130 เหรียญ

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (20 พ.ย.68) ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา "ยอดดอย" หนาวจัด 3 องศา "ยอดภู" 6 องศา ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 80%

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (20 พ.ย. 68) ร่วงลง 500 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 63,400 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (20 พ.ย.68) บวก 18.34 จุด ดัชนี1,290.51 จุด

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60บาท/ดอลลาร์

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (20 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 24 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนประชาชื่น

13. ตลาดหุ้นปิด (19 พ.ย.68) บวก 2.13 จุด ดัชนี 1,272.17 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 พ.ย.68) ลบ 4.20 จุด ดัชนี 1,265.84 จุด

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่ิอคืน (18 พ.ย.68) ลบ 8 เหรียญ จับตาตัวเลขจ้างงานประเมินดอกเบี้ยเฟด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 20, 2025, 8:47 pm