กองทุนรวม
MFC คว้า 2 รางวัล "บลจ.ดีเด่น" 2 ปีซ้อนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกกวาด AUM กว่า 1.3 แสนล้าน โต 17.24%


บลจ.เอ็มเอฟซี คว้ารางวัล  "บลจ.ดีเด่น" 2 ปีซ้อน ประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มหน่วยงานทุกประเภท Single Fund หรือ Pooled Fund" และรางวัลรองชนะเลิศประเภท"Pooled Fund ทุกขนาดกองทุน" ประจำปี 2568 จากการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ประจำปี 2568 ขณะที่ผลงาน 9 เดือนปีนี้ มูลค่า AUM เฉียด 1.3 แสนล้านบาท โตโดดเด่น 17.24% พร้อมเดินหน้ายกระดับคุณภาพการบริหารจัดการ เพื่อการลงทุนยั่งยืน

 
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า MFC ประสบความสำเร็จอีกครั้งจาก “รางวัลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดีเด่น ประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มหน่วยงานทุกประเภท Single Fund หรือ Pooled Fund รับโล่รางวัลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้รับรางวัลซ้อนเป็นปีที่ 2 และรางวัลรองชนะเลิศ ประเภทกองทุนร่วม (Pooled Fund) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่จัดการกองทุนร่วม (Pooled Fund) ทุกขนาดกองทุน” จาก “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเอ็มเอฟซี มาสเตอร์ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว” ได้รับโล่รางวัลกระทรวงการคลัง จากการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ครั้งที่ 13 ประจำปี 2568 จัดโดยสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 

“รางวัลที่ได้รับ เป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ MFC และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมาย 3-5 ปีข้างหน้า เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่เน้นผลประโยชน์สูงสุดของสมาชิก และเป็น Top 3 ในอุตสาหกรรม" นายธนโชติ กล่าว

ด้านนายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด สายการขายและการตลาด บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กุญแจสำคัญที่ MFC ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มาจากการผสมผสานของ “ผลการลงทุนที่ดี ทีมงานมืออาชีพ และการยึดมั่นในหลักการลงทุนอย่างยั่งยืน” ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงกว่า Benchmark อย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับที่ลูกค้าพึงพอใจ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการลงทุนคอยบริหารพอร์ตอย่างใกล้ชิด โดยไม่เพียงมองแค่ตัวเลขผลตอบแทน แต่ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการลงทุนตามหลัก ESG คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ “การบริการแบบครบวงจร” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทั้งด้านข้อมูล เครื่องมือการให้ความรู้แก่สมาชิก ให้การสื่อสารที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านรางวัลระดับนานาชาติจากงาน Best of the Best Awards 2025 ที่ MFC ได้รับทั้ง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Asset Management Company (บริษัทจัดการยอดเยี่ยมในไทย) รางวัล Best Investor Education (บลจ.ที่ส่งมอบความรู้แก่นักลงทุนได้ดีที่สุด) และรางวัลBest Member Communications (การสื่อสารกับสมาชิกยอดเยี่ยม) 

นายเกษตร กล่าวว่า ภาพรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการของ MFC ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตโดดเด่น มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM) อยู่ที่ 129,867.16 ล้านบาท เติบโตประมาณ 17.24% ซึ่งคาดว่าแนวโน้มทั้งปีนี้ AUM น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบันและอาจจะมีการขยับเพิ่มขึ้น หากภาวะการลงทุนในช่วงสุดท้ายของปีไม่ผันผวนรุนแรง

โดย MFC ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในภาวะตลาดปัจจุบันแบบระมัดระวังให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงหาโอกาสในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ ส่วนการลงทุนในหุ้น ต้องมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดดี ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และพร้อมเพิ่มสัดส่วนการลงทุน ในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและมีความหลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป รวมทั้งให้น้ำหนักกลยุทธ์การลงทุนทางเลือก (Alternative Investments) ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและช่วยลดความผันผวนของ Portfolio 

"ทิศทางอุตสาหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2569 คาดว่ายังคงเติบโตต่อเนื่อง และ MFC จะรักษาการเติบโตผ่านกลยุทธ์ที่เน้นการยกระดับบริการและผลิตภัณฑ์  การพัฒนานโยบายการลงทุนที่หลากหลายและยืดหยุ่น โดยเพิ่มตัวเลือกการลงทุนที่ปรับให้เข้ากับทุกสภาวะตลาด และนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนา App ให้สมาชิกในการเข้าถึงข้อมูล รวมทั้งให้ความรู้เรื่องการลงทุน ให้คำปรึกษา และจัดสัมมนา เพื่อให้สมาชิกเข้าใจแผนการลงทุน  เลือกนโยบายที่เหมาะสมกับช่วงอายุและความเสี่ยง" นายเกษตร กล่าว
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 พ.ย. 2568 เวลา : 16:59:53
23-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 24 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพุทธมณฑลสาย 1

2. ตลาดหุ้นปิด (21 พ.ย.68) ลบ 27.41 จุด ดัชนี 1,254.40 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 พ.ย.68) ลบ 18.57 จุด ดัชนี 1,263.24 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.68) ร่วง 22.80 ดอลลาร์ ตลาดลดความหวังเฟดลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานแกร่ง

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.68) ร่วง 386.51 จุด จากแรงขายหุ้นเทคโนฯ-กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด

6. MTS Gold คาดราคาทองคำยังอยู่ในช่วงขาลงระยะสั้น และกลาง แนวรับที่ 4,040-4,025 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,090-4,120 เหรียญ

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (21 พ.ย. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 63,300 บาท

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (21 พ.ย.68) ลบ 10.57 จุด ดัชนี 1,271.24 จุด

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (21 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์

11. พยากรณ์อากาศ 21 พ.ย.68 ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อากาศเย็นถึงหนาว ภาคกลาง-กรุงเทพปริมณฑล-ภาคตะวันออก อากาศเย็น "ยอดดอย" หนาวจัด 3 องศา

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.68) ร่วง 22.80 ดอลลาร์ ตลาดลดความหวังเฟดลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานแกร่ง

13. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.68) ร่วง 386.51 จุด จากแรงขายหุ้นเทคโนฯ-กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด

14. ประกาศ กปน.: 27 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดหวาย

15. ตลาดหุ้นปิด (20 พ.ย.2568) บวก 9.64 จุด ดัชนี 1,281.81 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2025, 8:14 am