
คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/รอเบรค ติดตามมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจมากพอและดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเพียงใด รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ร้อนแรงอีกครั้ง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ Core PCE สหรัฐที่เริ่มชะลอตัวหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยง่ายขึ้น แต่สัญญาณลดดอกเบี้ยปีหน้ายังเป็นสิ่งที่ตลาดสนใจ ทางเทคนิค ตลาดยังไม่ยืนเหนือ 1275-1278 ต้องยืนเหนือได้จึงจะแกว่งตัวขึ้นรอบใหม่ ยืนไม่ได้ยังไซด์เวย์ แนวรับ 1265/1260 แนวต้าน 1285/1295
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐฯ เผย PCE ก.ย. 68 เพิ่มขึ้น 0.3%MoM และ 2.8%YoY ส่วน Core PCE เพิ่มขึ้น 0.2%MoM และ 2.8%YoY ชะลอจากก่อนหน้า 2.9%YoY สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อไม่เร่งตัว ทำให้ตลาดคาดเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
• นายกฯ อนุทินและรมว.กลาโหมเตรียมลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนวันนี้ หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ทำทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย รัฐบาลสั่งเพิ่มมาตรการความปลอดภัย และให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพตามแผน
• กระทรวงพาณิชย์ประกาศกฎกระทรวงใหม่ปรับเกณฑ์ซื้อหุ้นคืนของ บจ. ให้ยืดหยุ่นขึ้น โดยจากเดิม บจ. ต้องรอ 6 เดือนก่อนเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่ กฎใหม่ให้สามารถเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่ได้ทันทีและขยายเวลาจำหน่ายหุ้นคืนจาก 3 ปีเพิ่มได้อีก 2 ปี ช่วยให้บริษัทเลือกช่วงขายหุ้นคืนได้เหมาะสมขึ้น หนุนสภาพคล่องและประสิทธิภาพตลาดทุนไทย
• ธปท. เร่งมาตรการลดแรงกดดันบาทแข็ง ชงคลังขยายเพดานนำเข้าเงินรายได้ต่างประเทศทันทีจากเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์ เป็น 10 ล้านดอลลาร์ ลดการไหลเข้าของเงินทุน พร้อมยกระดับคุมเข้มค้าทอง เตรียมให้ร้านค้าทองรายงานทุกธุรกรรมซื้อขาย
• ม. หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค พ.ย. 68 อยู่ที่ระดับ 53.2 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 10 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้ฟื้นตัวได้ในระยะสั้น โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่งพลัส
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1250-1320 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญติดตาม ได้แก่ ผลประชุมนโยบายการเงินของเฟด (11 ธ.ค.) ซึ่งตลาดคาดเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 3.75% รวมทั้ง Dot Plot เพื่อดูทิศทางดอกเบี้ยและประมาณการเศรษฐกิจใหม่ปีหน้า ซึ่งจะมีผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกรวมถึงไทย ขณะที่ในประเทศติดตามกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการส่งเสริมการออมผ่านตลาดทุนภายใต้แนวคิดระบบ ISA เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่ต้องผ่าน LTF รวมทั้งเสนอคุมค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินปีละ 8 แสนบาท ซึ่งคงต้องรอดูรายละเอียดก่อนว่าจะส่งผลกระทบและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามาในตลาดทุนได้เพียงใด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์รอผลประชุมนโยบายการเงินเฟด รวมทั้ง ครม. พิจารณามาตรการ ISA และคุมเพดานค่าลดหย่อนภาษี กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SET ESG Ratings A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมีนโยบายภาครัฐหนุน อาทิ นโยบาย BOI Fast Pass แนะนำกลุ่มนิคม (WHA AMATA), นโยบายรนำร่องปลดล็อกช่วงเวลาห้ามขายเหล้าเบียร์ 14.00-17.00 น. เป็นเวลา 6 เดือน แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL BJC), นโยบายเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม กลุ่มการแพทย์ (BCH CHG) 2) หุ้นเรือเทกองที่คาดได้อานิสงส์จากจีนต้องการเรือ Capesize เพิ่มขึ้นเพื่อขนส่งแร่เหล็กคุณภาพดีจากเหมืองแร่เหล็กใหม่ Simandou ของกินี ทำให้เรือ Supramax ไม่โดนแย่งงานและค่าระวางมีแนวโน้มดีขึ้น แนะนำ PSL TTA และ 3) หุ้นที่คาดนำเข้าคำนวณ SET50 ในรอบ 1H69 ซึ่งจะประกาศกลาง ธ.ค. นี้ แนะนำ SAWAD ITC
Daily Top Picks
KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น และมีโอกาสจ่ายปันผลสูงขึ้น คาดเงินปันผลในปี 2568–2570 ราว 2.15–2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.9-8.6% และมี Upside จากโครงการซื้อหุ้นคืน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ที่ตํ่า เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท
PTT: มีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นและโครงสร้างราคาก๊าซฯ ใหม่คาดหนุนธุรกิจโรงแยกก๊าซได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง และเป็นหุ้นปันผลคุณภาพดี (คาดให้ Div. Yield ปีละ 6.4%) ซึ่งมีโอกาสได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) ส่วน Asset Monetization ทําให้บริษัทในกลุ่มแข็งแกร่ง เป้าหมายระยะสั้น 33.00 บาทเป้าหมายระยะสั้น 32.00 บาท
ข่าวเด่น