เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บมจ.ไทยออยล์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ "ราคาน้ำมันดิบผันผวน ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ-เวเนซุเอล่า และรัสเซีย-ยูเครน และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ"


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
 
 

 
 
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (5 – 11 ธ.ค. 68)
 
ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอล่าที่เริ่มลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคำสั่งเตรียมความพร้อมในการเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในเวเนซุเอล่าโดยอ้างถึงความต้องการปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงไม่แน่นอนจากรัสเซียอ้างว่าสามารถเข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ของยูเครน ขณะที่ยูเครนออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว ท่ามกลางการเจรจาสันติภาพของทั้งสองประเทศ นำโดยสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีข้อยุติ ทั้งนี้ ตลาดยังจับตามองถึงท่าทีของยุโรป เนื่องจากนายวลาดีเมียร์ ปูติน มีคำแถลงการณ์พาดพึงถึงยุโรปว่าเป็นผู้ขัดขวางความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน พร้อมกล่าวเพิ่มเติมอีกว่ารัสเซียพร้อมรบหากยุโรปเป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตีก่อน อีกทั้ง           ผู้นำรัสเซียยังคงมีแผนเดินทางเยือนอินเดียเพื่อเจรจาการค้ากับอินเดียเพิ่มเติม หลังจากอินเดียลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ท่ามกลางความท้าทายของข้อมูลที่จำกัดจากการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
 
• สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอล่าเริ่มทวีความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ  ปิดน่านฟ้าของเวเนซุเอล่า พร้อมกับสั่งให้เตรียมความพร้อมในการเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดิน โดยอ้างถึงความต้องการปราบปรามยาเสพติด แม้ก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่เปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในเวเนซุเอล่า อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้โจมตีเรือเวเนซุเอล่าที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าเรือดังกล่าวมีการลักลอบขนยาเสพติด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80 รายนับตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี ไม่มีการแสดงหลักฐานบ่งชี้การลักลอบขนยาเสพติดของเรือดังกล่าว ขณะเดียวกัน นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอล่า ได้ออกมาประณามการกระทำของผู้นำสหรัฐฯ ว่าเป็นภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคม และสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนในประเทศ ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบของเวเนซุเอล่าที่อาจหยุดชะงัก

• สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงลุกโชนเนื่องจากรัสเซียประกาศเข้ายึดพื้นที่ โปครอฟสก์ (Pokrovsk) และโวฟชานสก์ (Vovchansk) ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ของยูเครนที่เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์  และเป็นเป้าหมายสำคัญของรัสเซียเพื่อที่จะรุกคืบเข้าพื้นที่ยูเครน อย่างไรก็ดี ยูเครนได้ออกมาปฏิเสธการยึดพื้นที่ดังกล่าว ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุด การพบกันระหว่างตัวแทนสหรัฐฯ กับผู้นำรัสเซียเพื่อการเจรจาหารือเรื่องแผนสันติภาพที่กรุงมอสโค ยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ ทั้งนี้ ผู้ช่วยด้านนโยบายของรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยบางส่วนว่า การเจรจาเป็นไปในทางที่ดี ซึ่งอาจต้องมีการหารือเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ตลาดคาดการณ์ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างสองประเทศอาจยังไม่บรรลุในเร็ววันนี้ ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้ำมันยังคงจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยุโรป 

• ตลาดจับตาท่าทีของยุโรปเนื่องจากประธานาธิบดีรัสเซียมีคำกล่าวหลังการประชุมเจรจาสันติภาพกับตัวแทนสหรัฐฯ เกี่ยวกับสหภาพยุโรปว่า สหภาพยุโรปเป็นผู้ขัดขวางความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยการยื่นข้อเสนอที่รัสเซียไม่สามารถยอมรับได้ เพื่อกล่าวโทษว่าเป็นเพราะรัสเซียไม่ต้องการสันติภาพ ทั้งนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า รัสเซียไม่ต้องการทำสงครามกับยุโรป แต่หากยุโรปเปิดฉากโจมตีก่อน รัสเซียก็พร้อมที่จะทำสงครามและมั่นใจว่ายุโรปจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อสงคราม ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวของผู้นำรัสเซียส่งผลให้ตลาดกังวลต่ออุปทานที่อาจจะตึงตัว หากมีการเปิดฉากโจมตีระหว่างรัสเซียและยุโรป

ตลาดจับตาการเยือนอินเดียของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งมีกำหนดการเยือนอินเดีย ระหว่างวันที่ 4-5 ธ.ค. 68 เพื่อเข้าร่วมประชุมกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โดยมีเป้าหมายเพื่อเจรจาผลักดันให้อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบ ระบบระบบขีปนาวุธ และเครื่องบินรบจากรัสเซียมากขึ้น หลังอินเดียลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียจากการกดดันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเป็น 50% ทั้งนี้ หากอินเดียหันกลับมารับน้ำมันดิบจากรัสเซียจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบออกจากรัสเซียมากขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาน้ำมันดิบ และอาจทำให้อินเดียต้องแบกรับความเสี่ยงต่อการเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ 

• ตลาดจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 ธ.ค. 68 ถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้ว 2 ครั้งในปี 68 ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 3.75 -4.00% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 65 ทั้งนี้ ในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. มีความท้าทายเป็นอย่างมากเนื่องจากข้อจำกัดของข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ในช่วงเดือน ต.ค. ถึง พ.ย. 68 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จากรายงานของข้อมูล FedWatch Tool ของ CME Group รายงานว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมในเดือน ธ.ค. 

• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. 68 ดุลงบประมาณธนาคารกลางสหรัฐฯ และ จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน เดือน พ.ย. 68 ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 พ.ย. – 4 ต.ค. 68)
 
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 59.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 62.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังการขนส่งน้ำมันดิบรัสเซียผ่านทางท่อ Caspian Pipeline Consortium (CPC) ที่สามารถส่งออกน้ำมันราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดชะงักชั่วคราวอีกครั้งเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการโจมตีด้วยโดรนของยูเครน ทั้งนี้ การโจมตีของยูเครนต่อรัสเซียในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ นอกจากนี้ จีนได้ประกาศโควต้าการนำเข้าน้ำมันดิบรอบแรกสำหรับปี 69  ซึ่งสามารถใช้กับการซื้อขายและขนส่งน้ำมันดิบที่จะมาถึงภายในสิ้นปีนี้ โดยโควต้าชุดแรกอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านตันและถูกจัดสรรให้กับโรงกลั่น 21 แห่ง ขณะเดียวกัน ตลาดคาดการณ์โควต้าการนำเข้าน้ำมันดิบในปี 69 จะอยู่ที่ 257 ล้านตัน ซึ่งเท่ากับโควต้าเดิมในปี 68 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่ออุปทานที่อาจล้นตลาด หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ สิ้นสุดสัปดาห์วันที่ 28พ.ย. 68 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.48 ล้านบาร์เรลสะท้อนแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินในตลาดโลก



 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ธ.ค. 2568 เวลา : 11:37:17
08-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (8 ธ.ค.68) ลบ 12.38 จุด ดัชนี 1,261.39 จุด

2. ประกาศ กปน.: 11 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดกระบัง

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (8 ธ.ค.2568) ลบ 4.39 จุด ดัชนี 1,269.38 จุด

4. ทีทีบี คาดแนวโน้มเงินบาทสัปดาห์นี้แข็งค่า รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ย

5. กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.80-32.35 มองเฟดลดดอกเบี้ย ลุ้นโทนสื่อสาร

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (8 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นลง กับมีลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (8 ธ.ค. 68) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 64,300 บาท

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (8 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.80 - 32.05 บาท/ดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (8 ธ.ค.68) บวก 1.48 จุด ดัชนี 1,275.25 จุด

11. MTS Gold คาดราคาทองคำคงแสดงความผันผวนและไม่แน่นอนประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,190-4,170 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,235-4,255 เหรียญ

12. ตลาดหุ้นปิด (4 ธ.ค.68) ลบ 1.05 จุด ดัชนี 1,273.77 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (4 ธ.ค.68) ลบ 1.62 จุดดัชนี 1,273.20 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยเปิด (4 ธ.ค.68) บวก 5.60 จุด ดัชนี 1,280.42 จุด

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (4 ธ.ค. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,400 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 8, 2025, 8:43 pm