หุ้นทอง
การเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย ของ ก.ล.ต.


 
 
"การบังคับใช้กฎหมาย" เป็นหนึ่งในบทบาทหน้าที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญมาตลอด โดยดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดในทุกกรณี ซึ่ง ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงกระบวนการและมีมาตรการหลายด้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายภายใต้ความรับผิดชอบของ ก.ล.ต. และจะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายกรณีสามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็วขึ้น

ในครั้งนี้ จึงขอเล่าถึงกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต. เพื่อให้เกิดความเข้าใจทั้งกระบวนการ โดยเริ่มจากหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญคือ การตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่า มีการกระทำผิดตามกฎหมายหรือไม่ ก่อนที่จะเลือกมาตรการในการบังคับใช้กฎหมาย โดยในการตรวจสอบแต่ละกรณีมีระยะเวลาในการดำเนินการที่แตกต่างกันขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น แหล่งที่มาของพยานหลักฐาน ปริมาณข้อมูลที่ต้องพิจารณา และความซับซ้อนของการกระทำความผิด รวมทั้ง การเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงแสดงพยานหลักฐานตามสิทธิอันพึงมีก่อนพิจารณาดำเนินการ (Due Process of Law)

เมื่อพบว่ามีผู้กระทำผิด ก.ล.ต. สามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายได้ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ การดำเนินการทางปกครอง การดำเนินการทางอาญา และการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง

(1) การดำเนินการทางอาญา เป็นกระบวนการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลซึ่งกระทำการหรือละเว้นกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล สามารถดำเนินการได้ 2 ลักษณะ คือ

- การดำเนินคดีอาญาตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยในกระบวนการนี้ หลังจากการตรวจสอบในเชิงลึกแล้ว ก.ล.ต. จะ “กล่าวโทษ” ผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวน จากนั้นพนักงานสอบสวนจะสืบสวนสอบสวน รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และเสนอความเห็นเกี่ยวกับคดีไปยังพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการจะพิจารณาความสมบูรณ์ครบถ้วนของสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ก่อนมีความเห็นสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาตามสำนวนการสอบสวนดังกล่าว และในคดีที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาเป็นจำเลยแล้ว ศาลยุติธรรมจะเป็นผู้พิจารณาและพิพากษาต่อไป 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. แล้ว กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปจะเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม แต่ ก.ล.ต. ยังติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง และให้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่

- การเปรียบเทียบความผิดอาญา โดย “คณะกรรมการเปรียบเทียบ” จะเป็นผู้กำหนดค่าปรับ สำหรับความผิดบางลักษณะที่กฎหมายกำหนดให้สามารถเปรียบเทียบปรับได้

(2) การดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง เริ่มใช้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2559 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็วมากขึ้น ทั้งด้านหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล ในความผิดเกี่ยวกับกระทำการอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขาย (เช่น การสร้างราคาและการใช้ข้อมูลภายใน) การบอกกล่าวข้อความเท็จ การยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขาย และการไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการหรือผู้บริหาร

เมื่อ ก.ล.ต. พบการกระทำผิดและเห็นควรใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด ก.ล.ต. จะเสนอให้ “คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง” หรือ ค.ม.พ. พิจารณาว่าสมควรใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิดหรือไม่ และลงโทษด้วยมาตรการใดบ้าง (เช่น ปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับฯ และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารฯ) ซึ่ง ค.ม.พ. สามารถใช้มาตรการที่เหมาะสมกับข้อเท็จจริงของแต่ละกรณี

ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. มีอำนาจฟ้องบุคคลนั้นต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ศาลพิจารณากำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งให้จำเลยปฏิบัติ พร้อมกำหนดดอกเบี้ยตามกฎหมายให้จำเลยชำระนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ

(3) การดำเนินการทางปกครอง เป็นกระบวนการบังคับใช้กฎหมายด้วยการออกคำสั่งทางปกครองกับบุคคลที่ได้รับอนุญาต ได้รับความเห็นชอบ หรือได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล โดยผู้มีอำนาจออกคำสั่งทางปกครองมีหลายระดับ เช่น ก.ล.ต. คณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. และการสั่งการก็มีได้หลายลักษณะ เช่น ปรับทางปกครอง จำกัดการประกอบการ พักการประกอบการ และเพิกถอนใบอนุญาต

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายผ่านทั้ง 3 ช่องทางหลักของ ก.ล.ต. มีจำนวนคดีที่แล้วเสร็จเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีจำนวน 82 คดี ผู้กระทำผิด 280 ราย ปี 2567 มีจำนวน 128 คดี ผู้กระทำผิด 346 ราย และในปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568) มีจำนวน 158 คดี ผู้กระทำผิดรวม 373 ราย

 
 
ในปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน) ก.ล.ต. มีการดำเนินคดีอาญาโดยการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน จำนวน 48 คดี ผู้กระทำผิด 114 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการกล่าวโทษในฐานความผิด 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ (1) ฐานความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น การสร้างราคา การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลภายใน และการแพร่ข่าวหรือข้อความเท็จ (2) การทุจริต (3) แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ และ (4) ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งหมด 12 คดี ผู้กระทำความผิด 47 ราย

ขณะที่มีการดำเนินการตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง จำนวน 22 คดี ผู้กระทำผิด 119 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นฐานความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งการสร้างราคา การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลภายใน และการแพร่ข่าวหรือข้อความเท็จ รวม 17 คดี ผู้กระทำผิดรวม 91 ราย

นอกจากการปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ก.ล.ต. ยังมีแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้นอีก โดยได้เสนอแก้ไขกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวนในคดี high impact เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการร่วมสอบสวนคดีโดยใช้ความเชี่ยวชาญมาช่วยให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายในกรณี high impact มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในขณะนี้อยู่ในกระบวนการออกกฎหมาย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ธ.ค. 2568 เวลา : 16:13:49
09-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (8 ธ.ค.68) ลบ 12.38 จุด ดัชนี 1,261.39 จุด

2. ประกาศ กปน.: 11 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดกระบัง

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (8 ธ.ค.2568) ลบ 4.39 จุด ดัชนี 1,269.38 จุด

4. ทีทีบี คาดแนวโน้มเงินบาทสัปดาห์นี้แข็งค่า รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ย

5. กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.80-32.35 มองเฟดลดดอกเบี้ย ลุ้นโทนสื่อสาร

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (8 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นลง กับมีลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (8 ธ.ค. 68) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 64,300 บาท

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (8 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.80 - 32.05 บาท/ดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (8 ธ.ค.68) บวก 1.48 จุด ดัชนี 1,275.25 จุด

11. MTS Gold คาดราคาทองคำคงแสดงความผันผวนและไม่แน่นอนประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,190-4,170 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,235-4,255 เหรียญ

12. ตลาดหุ้นปิด (4 ธ.ค.68) ลบ 1.05 จุด ดัชนี 1,273.77 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (4 ธ.ค.68) ลบ 1.62 จุดดัชนี 1,273.20 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยเปิด (4 ธ.ค.68) บวก 5.60 จุด ดัชนี 1,280.42 จุด

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (4 ธ.ค. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,400 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 9, 2025, 2:15 am