แบงก์-นอนแบงก์
ธปท. และวีซ่า ผนึกกำลังผลักดันระบบชำระเงินแห่งอนาคต พร้อมเผยอินไซต์การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ


 
ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับวีซ่า ประเทศไทย ออกรายงาน "เจาะลึกพฤติกรรมการชำระเงินของนักท่องเที่ยวด้วยข้อมูล (Data-Driven Insights into Tourist Payment Behaviours)" ซึ่งนำเสนอการวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้จ่ายและแนวโน้มการชำระเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการชำระเงินของไทย ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย และเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกที่ทันสมัยและไร้รอยต่อ

การท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย และการชำระเงินดิจิทัลคือกุญแจสู่การยกระดับประสบการณ์นักเดินทาง รายงานนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำธุรกิจ นักนวัตกรรมด้านการชำระเงิน นักการตลาด และนักวิชาการ ในการสร้างระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย ครอบคลุม และตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว

รายงานวิจัยฉบับนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลายภาคส่วน ได้แก่

การท่องเที่ยวและการบริการ: ปรับบริการและช่องทางการชำระเงินเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั่วโลก ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
 
การชำระเงินและบริการทางการเงิน: ขยายการยอมรับการชำระเงินดิจิทัล ส่งเสริมนวัตกรรม และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน
 
การตลาดและธุรกิจค้าปลีก: เข้าใจรูปแบบการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การมี
 
ส่วนร่วมงานวิชาการและการวิจัยเชิงนโยบาย: สนับสนุนข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับการวิจัยและวางแผนเชิงกลยุทธ์ในอนาคต
 
5 ประเด็นสำคัญจากรายงาน

1. การท่องเที่ยวสร้างมูลค่าเศรษฐกิจมหาศาล:
ในปี 2567 การท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีส่วนสนับสนุนประมาณ 9% ของ GDP ประเทศไทย สร้างรายได้ 1.7 ล้านล้านบาท เกือบครึ่งของนักท่องเที่ยวทั้งหมดมาจาก 5 ตลาดหลัก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในหมวดที่พัก (35%) และอาหารและเครื่องดื่ม (23%) ตอกย้ำบทบาทสำคัญของภาคการท่องเที่ยวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

2. การชำระเงินดิจิทัลโตแรง:
อัตราการใช้การชำระเงินดิจิทัลของนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการชำระเงินผ่านบัตรมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 327,000 ล้านบาทในปี 2567 คิดเป็น 20% ของมูลค่าธุรกรรมทั้งหมด โดยเฉพาะในร้านค้าขนาดใหญ่และขนาดกลาง มูลค่าการชำระเงินผ่านบัตรได้ปรับตัวสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 แสดงถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อช่องทางที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย

3. โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี:
โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด โดยมีเครื่องรับชำระแบบอิเล็กทรอนิกส์ EDC มากกว่า 900,000 เครื่อง และจุดรับชำระผ่านคิวอาร์โค้ดกว่าหนึ่งล้านจุดทั่วประเทศ แม้ว่าการชำระเงินดิจิทัลจะมีความแพร่หลายในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว แต่ผู้ค้ารายย่อยและพื้นที่ชนบทยังคงใช้ช่องทางดิจิทัลในระดับจำกัด การขยายระบบคิวอาร์แบบเชื่อมต่อทุกธนาคาร ผ่านโซลูชัน Scan to Pay หรือ Tap to Phone จากวีซ่า จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการชำระเงินให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

4. พฤติกรรมการชำระเงินหลากหลายของนักท่องเที่ยว:
นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้ มีพฤติกรรมการชำระเงินที่แตกต่างกัน ชาวมาเลเซียและเกาหลีใต้นิยมใช้บัตรแม้ในธุรกรรมที่มีมูลค่าไม่สูงนัก ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียมีการใช้บัตรควบคู่กับการถอนเงินสดในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน สิ่งนี้สะท้อนความจำเป็นในการออกแบบโซลูชันการชำระเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นสำหรับผู้มาเยือนทุกกลุ่ม

5. ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์:
รายงานฉบับนี้มุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลของผู้ประกอบการ SME ขยายจุดรับชำระเงินในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และให้ความสำคัญกับธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก และแหล่งท่องเที่ยวในการติดตั้งเทคโนโลยีการชำระเงินขั้นสูง ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างผู้ค้า สถาบันการเงิน และผู้กำหนดนโยบายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง ecosystem การชำระเงินที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และพร้อมสำหรับอนาคต

ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังฟื้นตัวและปรับสภาพ รายงานฉบับนี้เป็นสัญญาณเชิญชวนให้ภาคส่วนต่าง ๆ ผนึกกำลังกันในการขับเคลื่อนความก้าวหน้า ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ผลักดันการยอมรับการชำระเงินดิจิทัล ลดอุปสรรคให้กับธุรกิจ SME และสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน

อนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยขึ้นอยู่กับความสามารถร่วมกันในการสร้างสรรค์และปรับตัว ตอนนี้คือเวลาที่เราต้องรวมพลัง ก้าวสู่ดิจิทัล และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยคงความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมประสบการณ์ที่ทันสมัย ปลอดภัย และครอบคลุมยิ่งขึ้น
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:47:37
27-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

2. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 5.52 จุด ดัชนี 1,259.25 จุด

3. ตลาดหุ้นไทยปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 5.28 จุดดัชนี 1,259.49 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,540-4,560เหรียญ

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 66,900 บาท

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (26 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา/ภาคใต้ ฝนตกหนัก 40-60% คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือเล็กงดออกจากฝั่ง จนถึง 28 ธ.ค.

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 0.06 จุด ดัชนี 1,264.71 จุด

9. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.68) ลบ 10.56 จุด ดัชนี 1,264.77 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.68) ลบ 8.74 จุด ดัชนี 1,266.59 จุด

11. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,450-4,430 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,500-4,525 เหรียญ

12. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ทำนิวไฮ บวก 288.75 จุด ขานรับ "ซานต้าแรลลี่"

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ลบ 2.90 ดอลลาร์ นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งทำนิวไฮ

14. พยากรณ์อากาศวันนี้ (25 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา /ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 ธ.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 27, 2025, 2:17 pm