เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
SCB EIC คาดว่า อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2569 มีแนวโน้มพลิกกลับมาหดตัว จากราคาที่จะลดลงค่อนข้างมาก


SCB EIC คาดว่า รายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2569 มีแนวโน้มพลิกกลับมาหดตัว โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำตาลที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก แม้ปริมาณผลผลิตจะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยในปีการผลิต 2568/2569 จะเพิ่มขึ้น 6.3% จากปีการผลิต 2567/2568 มาอยู่ที่ 10.7 ล้านตัน ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 95.4 ล้านตัน จากปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติในหลายพื้นที่ ในขณะที่ราคาส่งออกน้ำตาลของไทยโดยเฉลี่ยในปี 2569 จะลดลง 14.4%YOY มาอยู่ที่ 423 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สอดคล้องกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่จะลดลงมาอยู่ที่ 15.3 เซนต์ต่อปอนด์ เนื่องจากตลาดน้ำตาลโลกมีแนวโน้มกลับมาเผชิญภาวะเกินดุล จากผลผลิตโลกที่เติบโตดี ตามสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก ที่ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น 19.9% จากปีการผลิตที่ผ่านมา นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกที่เติบโตชะลอลงจากนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ยังส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำตาลโลกเติบโตต่ำ กดดันราคาน้ำตาลในตลาดโลก ซึ่งราคาน้ำตาลที่ลดลงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกน้ำตาลของไทยในปี 2569 หดตัว 9.0%YOY จากที่จะขยายตัว 27.3%YOY ในปี 2568 ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกจะลดลงไม่มาก เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำตาลในปี 2569 จะเพิ่มขึ้น 6.3%YOY ตามผลผลิตน้ำตาลของไทยที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับเอเชียยังมีผลผลิตน้ำตาลไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในภูมิภาค ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากไทย ทั้งนี้ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลโลก ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่จะกระทบต่อผลผลิตและราคาน้ำตาล และปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่จะกระทบต่อการผลิตและการส่งออกน้ำตาลของไทย  

ราคาส่งออกน้ำตาลไทย ราคาน้ำตาลโลก ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลไทย 
 
 

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC), กรมอุตุนิยมวิทยา, สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และ Bloomberg 

 
อนึ่ง การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลในระยะต่อไป ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและนโยบายด้านการเกษตรของประเทศคู้ค้า/คู่แข่ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และกระแสความยั่งยืน

 
• ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและนโยบายด้านการเกษตรของประเทศคู้ค้า/คู่แข่ง ภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางและมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น นโยบายด้านการเกษตรของประเทศต่าง ๆ ก็มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งสภาวการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำตาลซึ่งพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดโลกต้องเผชิญกับความผันผวนมากขึ้นตามไปด้วย 

 
• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) จะทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ำตาล ต้องเผชิญกับผลประกอบการที่มีความผันผวนมากขึ้น จากทั้งต้นทุนการผลิตและปริมาณวัตถุดิบที่มีความไม่แน่นอนสูง 

 
• นโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low carbon economy) เช่น มาตรการการค้าระหว่างประเทศ การเก็บภาษีคาร์บอน เป็นต้น ซึ่งแรงกดดันเหล่านี้จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

 
• ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญของโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาล โดยผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบมีแนวโน้มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลมากขึ้นในอนาคต  

 
SCB EIC มองว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ำตาลจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าวและยกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนสูงของภาวะเศรษฐกิจ กฎระเบียบและข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายด้านต่าง ๆ ของประเทศคู่ค้า/คู่แข่ง เช่น นโยบายด้านการผลิตและการค้าน้ำตาลของอินเดียและบราซิล นโยบายพึ่งพาตนเองด้านอาหารของประเทศคู่ค้าสำคัญ เป็นต้น มีการกระจายการส่งออกไปยังตลาดส่งออกที่หลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไปและมีการจัดทำแผนฉุกเฉินต่อความเป็นไปได้ของฉากทัศน์ (Scenario) ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงการลงทุนเพื่อให้สามารถคว้าโอกาสและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกระแสความยั่งยืน เช่น การช่วยสนับสนุนให้ชาวไร่อ้อยสามารถลงทุนในแหล่งน้ำ หรือการสร้างแรงจูงใจให้ชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด เป็นต้น รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านระบบการผลิตไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำร่วมด้วย 
 
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่... https://www.scbeic.com/th/detail/product/Sugar-industry-241225

 
ผู้เขียนบทวิเคราะห์ : ดร.เกียรติศักดิ์ คำสี (kaittisak.kumse@scb.co.th) นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) SCB EIC Online : www.scbeic.com Line : @scbeic

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ธ.ค. 2568 เวลา : 15:49:22
30-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ (29 ธ.ค.68) ลบ 5.22 จุด ดัชนี 1,254.03 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (29 ธ.ค.68) ลบ 2.58 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,256.67 จุด

3. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,550-4,570เหรียญ

4. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (29 ธ.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 31.12 บาทต่อดอลลาร์

5. ตลาดหุ้นไทยเปิด (29 ธ.ค. 68) บวก 0.45 จุด ดัชนี 1,259.70 จุด

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (29 ธ.ค. 68) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 67,300 บาท

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (29 ธ.ค.68) ภาคเหนือและภาคอีสาน อากาศเย็นถึงหนาว "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 3 องศา กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

8. ประกาศ กปน.: 27 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

9. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 5.52 จุด ดัชนี 1,259.25 จุด

10. ตลาดหุ้นไทยปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 5.28 จุดดัชนี 1,259.49 จุด

11. MTS Gold คาดราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,540-4,560เหรียญ

12. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 66,900 บาท

13. พยากรณ์อากาศวันนี้ (26 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา/ภาคใต้ ฝนตกหนัก 40-60% คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือเล็กงดออกจากฝั่ง จนถึง 28 ธ.ค.

14. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์

15. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 0.06 จุด ดัชนี 1,264.71 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 30, 2025, 2:09 am