
“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนธันวาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักที่สำคัญ ทั้งนี้ ควรติดตามทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้จัดทำแบบสำรวจพิเศษเพื่อประเมินนโยบาย Quick Big Win พบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และโครงการเที่ยวดีมีคืน เป็นมาตรการที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด”
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนธันวาคม 2568 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคพบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนธันวาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักที่สำคัญ ทั้งนี้ ควรติดตามทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้จัดทำแบบสำรวจพิเศษเพื่อประเมินนโยบาย Quick Big Win พบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และโครงการเที่ยวดีมีคืน เป็นมาตรการที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 79.1 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม จากการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและมาตรการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงอุปสงค์สินค้าอุตสาหกรรมที่มีต่อเนื่อง และคาดว่า รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่อยู่ที่ระดับ 84.0 ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 75.2 โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเพาะปลูก สภาพอากาศคาดว่าจะเอื้ออำนวย ขณะที่อุปสงค์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 73.8 โดยมีปัจจัยบวกจากภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะมีต่อเนื่อง และคาดว่า จะมีผลผลิตเกษตรซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแปรรูปเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่มีต่อเนื่อง สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 71.2 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคบริการและภาคเกษตรเป็นสำคัญ จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันความต้องการสินค้าเกษตรคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นจากทั้งในและต่างประเทศ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 70.3 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคบริการและการลงทุน ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และคาดว่า รัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวและภาคเกษตร รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันในตลาดโลกที่สูงขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 67.6 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคบริการ จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล การขยายตัวของตลาดสินค้าเกษตร ประกอบกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและงานเทศกาลในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ สภาพอากาศที่แปรปรวนและความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 67.0 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ อย่างไรก็ตาม ควรติดตามประเด็นแนวโน้มต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันด้านราคากับสินค้าจากประเทศจีน ทั้งนี้ มาตรการสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกและการเดินทางท่องเที่ยว และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่บรรเทาลง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และยกระดับความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุน
สำหรับเดือนธันวาคม 2568 กระทรวงการคลังได้จัดทำการสำรวจพิเศษเพื่อประเมินผลกระทบของนโยบาย Quick Big Win ซึ่งสะท้อนความสำเร็จตามเป้าหมาย “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” อย่างชัดเจน โดยในระยะสั้นพบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนมากที่สุด เนื่องจากเป็นนโยบายที่สามารถเข้าถึงประชาชนในทุกภูมิภาค และมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อน รองลงมาคือ โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (เที่ยวดีมีคืน) ตามลำดับ สำหรับในระยะปานกลางถึงระยะยาว โครงการที่คาดว่าจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด คือ โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (เที่ยวดีมีคืน) ตามลำดับ
ข่าวเด่น