บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มองแนวโน้มราคาทองคำ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ว่า การประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือนเมษายนของยูโรโซนมีการปรับตัวลดลงสู่ระดับ 45.9 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ขณะที่อัตราว่างงานในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 10.9% ในเดือนมีนาคม จาก 10.8% ในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีนับแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 กดดันสกุลเงินยูโรให้ร่วงลงและหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังได้มีปัจจัยบวก จากการที่ ADP ได้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐในเดือนเมษายนว่าเพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ โดยหากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non-Farm Payrolls) ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ ออกมาในทิศทางเดียวกัน ก็ย่อมสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาว่ายังไม่สามารถหลุดพ้นจากภาวะชะลอตัวได้
เบื้องต้นทางวายแอลจีประเมินว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากโซนนี้ไม่สามารถรับอยู่ ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับถัดไปในบริเวณ 1,627 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามหากโซน 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์สามารถที่จะรับอยู่ ราคาทองคำจะดีดตัวกลับไปในโซน 1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำมีลักษณะการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนักลงทุนควรเน้นไปที่การลงทุนระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนให้เน้นไปที่การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,627 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,672 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมา นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป
ข่าวเด่น