บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย โดย บล.ทิสโก้

สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +0.36 จุด ทำราคาปิดต้อนท้าย

ความกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลกรีซที่ยังไม่สำเร็จ บวกกับตัวเลขศก.จีน เม.ย. ที่ส่วนใหญ่อ่อนตัวลง กดดันให้หุ้นไทยแกว่งในแดนลบเกือบทั้งวัน อย่างไรก็ดี มีแรงซื้อทำราคาปิดช่วงท้ายตลาด ดันดัชนีปิดบวกเล็กน้อย แต่เงินทุนต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่อง โดยขายสุทธิ 1.13 พันลบ. MTD ขายสุทธิ 5.98 พันลบ.

ทิศทางตลาดวันนี้ : ลุ้นรีบาวด์แค่ช่วงสั้น ๆ รับจีนลด RRR 0.50%

หุ้นโลกเมื่อคืนวันศุกร์ (11 พ.ค.) ปิดแคบไร้ทิศทาง หุ้น US ปิดลบ แต่หุ้นยุโรปปิดบวก เหตุขาดปัจจัยใหม่ มีแต่การเก็งกำไรหวังเด้งสั้น ๆ หลังราคาร่วงหนักหลายวันติด ขณะที่ปัจจัยถ่วงเดิม คือ ปัญหาการเมืองกรีซยังคงไม่มีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุดเยอรมันขู่จะไม่ให้เงินช่วยเหลืองวด 2 ราว 4 พันล้านยูโรภายในสิ้นเดือนหน้าหากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ด้านตัวเลขศก.จีนเดือน เม.ย. ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนขยายตัวเพียง 9.3% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 และแย่กว่าคาดที่ 12.2% ทำให้จีนประกาศลดสัดส่วนเงินกันสำรอง (RRR) ของแบงก์ใหญ่ 0.50% เป็น 20% นับเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ คาดจะช่วยกระตุ้นหุ้นไทยมีการรีบาวด์สั้น ๆ ได้ แต่มองกรอบขึ้นจำกัดที่ต้าน 1200-1205 รับ 1180-1185

กลยุทธ์การลงทุน : เด้งเน้นขาย เก็งกำไรหุ้นงบออกมาดี + ราคาถูก

ช่วงนี้ใกล้สิ้นสุดฤดูกาลประกาศงบแล้ว แม้ออกมาดี แต่ถ้าเป็นไปตามคาด อาจเกิดการขายแบบ “Sell on Facts” โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังเป็นเป้าการขายของนลท.สถาบันทั้งในและต่างปท.อยู่ ควรหันไปเล่นเทรดดิ้งสั้น ๆ ในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่งบดี แต่ราคายังไม่แพง อาทิ BTC, KCAR, LST, NMG, SENA, TRU ด้านหุ้นใหญ่ที่งบจริงดีกว่าคาดชอบ INTUCH (ดีกว่าคาดตลาด 7%), MINT (ดีกว่าคาดตลาด 26%), THAI (ดีกว่าคาดตลาด 10%) ส่วนหุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวกระยะสั้น คือ LOXLEY, STANLY เหมาะแก่การเทรดดิ้ง สำหรับ RML ติด Cash Balance ตามคาด นับแต่วันที่ 14 พ.ค. – 1 มิ.ย. 55

หุ้นเด่นเล่นสั้น : MINT, SENA

MINT – งบ Q1 ดีกว่าคาดมาก มีกำไร 1.27 พันลบ. โต 55% YoY และ 170% QoQ ดีกว่าตลาดคาดถึง 26% หลัก ๆ จาก SG&A น้อยกว่าคาด + กำไรบริษัทร่วมดี + มีภาษีจ่ายลดลง มองทั้งเราและตลาดมีโอกาสสูงที่จะปรับประมาณการ MINT ขึ้น ด้านประเมินมูลค่าเหมาะสมของเราอยู่ที่ 16 บ. (SOTP)

SENA – กำไร 1Q55 อยู่ที่ 49 ลบ. เพิ่มขึ้น 22% YoY ส่งผลให้ FD PER เพียง 3.98 เท่า (FD EPS = 0.60 บ.) และราคาต่ำกว่า FD BV ที่หุ้นละ 2.92 บ. ถึง 18% (FD PBV 0.82 เท่า) ส่วนลูกหุ้นจากการจ่ายหุ้นปันผลจำนวน 39.7 ล้านหุ้นในอัตราส่วน 17 : 1 (ขึ้น XD เมื่อวันที่ 19 มี.ค.) จะเข้าซื้อขายในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.) แต่ไม่น่ากังวล เพราะต้นทุนการรับลูกหุ้นปันผลของผู้ถือหุ้น SENA เดิมอยู่แถวระดับราคาหุ้นปัจจุบันเลย +/- ไม่เกิน 2 สต. สำหรับเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดตัวโครงการทั้งทาวน์โฮม 3 ชั้นที่ลาดพร้าว และโครงการคอนโดมิเนียม The Kith ลำลูกกาคลอง 2 บริษัทคาดกำไรปีนี้จะทุบสถิติใหม่ เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมโอนเกือบ 1 พันลบ. ประเมินมูลค่าที่เหมาะสม 2.77 บาท (CONSENSUS)

ปัจจัยติดตาม

14 พ.ค. ตัวเลขเงินเฟ้อของอิตาลีในเดือน เม.ย. (สุดท้าย)ประมูลพันธบัตรอิตาลี ประมูลตั๋วเงินคลังสเปน

14-15 พ.ค. ประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป