แม้ว่าที่ผ่านมาราคาข้าวสารบรรจุถุงจะทยอยปรับขึ้นราคามาเป็นระยะๆแล้ว ก็ตาม แต่วงจรการปรับขึ้นราคาก็ยังไม่สิ้นสุด โดยเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี (สายธุรกิจข้าวและอาหาร) ที่ระบุว่า เป็นที่แน่นอนช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ราคาข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม (กก.) จะปรับขึ้นอีก 5% หลังช่วงที่ผ่านมาได้ทยอยปรับขึ้นราคาไปแล้วเฉลี่ย 5-10% หรือ 5-10 บาทต่อถุง เนื่องจากราคาที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ยังไม่สอดรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 20% โดยยังต่ำกว่าต้นทุนอยู่ 5% ฉะนั้นคงจะต้องดำเนินการปรับราคาขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทนที่สูงขึ้นดังกล่าว
ทั้งนี้การที่ต้นทุนสูงขึ้นมาจาก 1. ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น 2.ราคาข้าวที่สูงขึ้นจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม นายสุเมธยืนยันว่า หลังจากที่จะมีการปรับราคาขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้อีก 5% แล้ว จะไม่มีการปรับราคาขึ้นอีก เพราะรัฐบาลไม่ได้ระบายสต๊อกข้าวออกมาทีเดียวหมด แต่จะทยอยระบายออกเป็นช่วงๆ เพื่อไม่ให้ประเทศคู่ค้านำปริมาณสต๊อกที่รัฐบาลมีอยู่มาต่อรองราคา ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์มีการติดตามตลาดใกล้ชิด
สำหรับการส่งออกข้าวไทยช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.55) ส่งออกได้แล้ว 2.4 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 45% หากคิดเป็นมูลค่าลดลง 35% สะท้อนให้เห็นว่าไทยส่งออกข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น และเริ่มขยายตัวได้แล้ว เพราะคู่ค้าที่เคยสั่งข้าวจากอินเดีย หันกลับมาซื้อข้าวไทยเพราะมีคุณภาพดีกว่า
“มั่นใจว่าปีนี้ไทยจะครองแชมป์ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยส่งออกข้าวได้ที่ระดับ 8.5-9 ล้านตัน แต่จะต้องติดตามตัวแปรสำคัญจากพื้นที่เพาะปลูกของอินเดียว่าจะเจอภาวะภัยแล้งหรือไม่ หากไม่เจอภัยแล้ง ไทยจะสามารถส่งออกได้ 8-8.5 ล้านตัน แต่หากเจอภัยแล้ง ไทยจะส่งออกข้าวได้ถึง 9 ล้านตัน โดยเฉพาะตลาดข้าวนึ่ง ข้าวหอมมะลิ ที่เป็นข้าวเกรดคุณภาพดีเยี่ยม”นายสุเมธกล่าวทิ้งท้าย
ข่าวเด่น