บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด รายงานสภาวะตลาดวันที่ 18 มิถุนายน 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,609.59 – 1,628.03 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM12 อยู่ที่ 24,200 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 24,300 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM12 อยู่ที่ 896 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 18 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 914 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.25 น.ของวันที่ 18/06/12)
 

สำหรับแนวโน้มวันที่ 19 มิถุนายน 2555    ผลการเลือกตั้งรอบที่สองของกรีซที่ผ่านมาเสมือนว่าเป็นการลงประชามติในเรื่องการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินและชี้ชะตาของกรีซต่อสถานภาพสมาชิกยูโรโซน โดยกระทรวงมหาดไทยของกรีซเปิดเผยว่าพรรคนิว เดโมเครซี ซึ่งเป็นพรรคสนับสนุนนโยบายรัดเข็มขัด มีคะแนนนำเหนือพรรค Syriza ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายที่ไม่สนับสนุนนโยบายรัดเข็มขัดและการรับเงินช่วยเหลือ ซึ่งช่วยให้ทุกฝ่ายคลายความวิตกกังวลที่ว่ากรีซอาจจจะถอนตัวออกจากยูโรโซน จากการประมาณการพบว่า พรรคนิว เดโมเครซีอาจจะได้ 129 ที่นั่งในรัฐสภากรีซ ขณะที่พรรค PASOK ซึ่งเป็นพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายรัดเข็มขัด จะได้ 33 ที่นั่ง ซึ่งมากพอที่จะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาซึ่งมีทั้งหมด 300 ที่นั่ง หากทั้งสองพรรคสามารถตกลงกันได้ในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสมจะส่งผลบวกต่อค่าเงินยูโร  ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมารับทราบผลการเลือกตั้งของกรีซและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่เพื่อเดินหน้าช่วยให้กรีซบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูเสถียรภาพด้านการเงินการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และ การสร้างงาน ส่งผลให้ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับทองคำกลับมีการเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินยูโร แม้ว่าการเลือกตั้งกรีซจะออกมาค่อนข้างดี แต่ปัญหาทางยุโรปก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรมดังนั้นแล้วนักลงทุนควรติดตามและประเมินสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน
 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นหากราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,630-1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง ซึ่งหากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,603- 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณดังกล่าว และรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปหรือตามบริเวณแนวต้านต่างๆ อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฎิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด