ควอลิตี้ เฮ้าส์ เปิดตัว “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR ลงทุนใน 3 โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในเครือเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ ชูจุดเด่น ทำเลใจกลางเมือง ชี้แต่ละโครงการพร้อมสร้างผลตอบแทนจาก 2 ธุรกิจ ที่มีรายได้แน่นอนจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่เน้นฐานลูกค้าระยะยาว และเพิ่มโอกาสเติบโตจากบริการโรงแรม ที่เน้นลูกค้าระยะสั้น พร้อมรับประกันค่าเช่าขั้นต่ำ 3 ปีแรก กำหนดเสนอขาย IPO 5-13 ก.ค.นี้ จองขั้นต่ำ 10,000 บาท
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้ง “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR ซึ่งจะลงทุนใน 3 โครงการในเครือเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ ประกอบด้วย ลงทุนในกรรมสิทธิ์ของโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ เพชรบุรี และโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ สุขุมวิท และลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 14 ปีของโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์หลังสวน มูลค่ากองทุน 3,360 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทำหน้าบริหารกองทุน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการ การจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้ง 3 โครงการในเครือเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ นับเป็นโครงการที่มีศักยภาพในด้านการเติบโต โดยเฉพาะศักยภาพทางด้านทำเล ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับสถานที่ชอปปิ้งที่ได้รับความนิยม รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และยังเดินทางสะดวก เนื่องจา อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ขณะเดียวกันห้องพักแต่ละโครงการยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน
ด้าน นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้บริหารกองทุนฯ กล่าวว่า สำหรับสินทรัพย์ที่ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR จะเข้าไปลงทุน ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์โครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ เพชรบุรี ซึ่งเป็นอาคารโรงแรมสูง 28 ชั้น จำนวน 266 ห้อง และอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้น 19,715 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี 15 ย่านประตูน้ำ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแพลตตินั่ม มอลล์ และพันทิพย์ พลาซ่า บนเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 41.4 ตารางวา โดยมีพื้นที่ให้เช่า 13,009 ตารางเมตร รวมถึงกรรมสิทธิ์โครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ สุขุมวิท ซึ่งเป็นอาคารโรงแรมสูง 28 ชั้นและอาคารเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ สูง 5 ชั้น 2 อาคารดำเนินกิจการด้านโรงแรม 162 ห้อง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 45 ห้อง จำนวนห้องพักรวม 207 ห้อง พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้น 31,465 ตารางเมตร ตั้งบนถนนสุขุมวิท 10 บนเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา
นอกจากนี้ยังลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 14 ปีของโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ หลังสวน ซึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัย 24 ชั้นดำเนินกิจการด้านโรงแรม จำนวน 72 ห้อง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 106 ห้องจำนวนห้องพักรวม 178 ห้อง พื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้นประมาณ 17,286 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนหลังสวน ซอย 1 เนื้อที่ 1 ไร่ 33.9 ตารางวา
“นอกจากจุดเด่นด้านทำเลแล้ว โครงการทั้ง 3 แห่งยังมีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานการให้บริการในรูปแบบ ของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรม เนื่องจากโครงการเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งให้กับโครงการ โดยในส่วนของบริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์นั้น จะมีฐานลูกค้าระยะยาวที่ช่วยลดความผันผวนด้านรายได้ ในขณะเดียวกัน การรับลูกค้าระยะสั้นในรูปแบบโรงแรม ทำให้สามารถคิดค่าเช่าพักได้ในอัตราที่สูงกว่า และสามารถจับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งชาวต่างชาติที่เข้าพักอาศัย ในประเทศไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย นอกจากนี้ โครงการทั้งสามแห่ง ยังดำเนินการมามากกว่า 15 ปี มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วง 7 ปีระหว่างปี 2546-2552 อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและสามารถเพิ่มอัตราค่าเช่าพักได้” กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าว
ในส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ทาง บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) ในฐานะผู้สนับสนุนจะรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำตลอด 3 ปีแรก หลังจากที่กองทุนลงทุนในทรัพย์สิน โดยการรับประกันรายได้ขั้นต่ำในช่วง 6 เดือนของปี 2555 จะอยู่ที่ 143.90 ล้านบาท ปี 2556 จะอยู่ที่ 266.10 ล้านบาท ปี 2557 อยู่ที่ 278.30 ล้านบาท และ ช่วง 6 เดือนของปี 2558 อยู่ที่ 146.70ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนใน “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิ การเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR ได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่น่าพอใจ และแน่นอน
ขณะที่ นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR จะได้รับการตอบรับ จากนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะนอกจากกองทุนจะลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพถึง 3 โครงการที่ผสมผสานระหว่าง การลงทุนกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) แล้ว ต้องยอมรับว่า การบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ “เซ็นเตอร์พอยต์” ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มาอย่างยาวนาน เป็นระยะเวลากว่า 20 ปี และได้รับการจัดอันดับให้เป็น Service Apartment Chain อันดับหนึ่ง ที่มีสินทรัพย์ภายใต้ การบริหารมากที่สุดในประเทศไทยมากถึง 2,500 ยูนิต จากจำนวน 11 โครงการ จะทำให้มั่นใจได้ถึงผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ
“ต้องยอมรับว่า ท่ามกลางความเสี่ยงของการลงทุนภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวน จากวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป รวมถึงการแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนต้องแสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่มีความแน่นอน เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ นับได้ว่า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมีรายได้จากค่าเช่าที่แน่นอน และมีโอกาสที่ผลตอบแทนจากค่าเช่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการบริหารจัดการที่ดี ในทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้เชื่อว่า ทั้งหมดจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี” ผู้บริหาร บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าว
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้อำนวยการอาวุโส สายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า กองทุนฯ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากโครงการทั้งสามแห่งที่กองทุนฯ เข้าไปลงทุนจะได้รับผลดีจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวของไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาการเมือง ในประเทศเกิดขึ้น นอกจากนี้ จากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้โครงการ “เซ็นเตอร์พอยต์” ทั้ง 3 โครงการได้รับผลดีโดยตรงจากการที่ลูกค้าต่างชาติซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเข้ามาทำงานและหาที่พำนักในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งด้วยศักยภาพ ทางทำเล รูปแบบของโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการจะสามารถตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
โดยในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย มีความพร้อมในการเสนอขายหน่วยลงทุน “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR รวมถึงมีผู้สนับสนุนการขายอีก 3 ราย ประกอบด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และผู้ร่วมรับประกันการจำหน่ายอีก 2 ราย คือ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 5 ถึง 13 กรกฎาคม ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10 บาท กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับผู้สนใจลงทุนใน “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัดธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด
ข่าวเด่น