|
|
|
|
|
|
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดเอควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์นคุ้มครองเงินต้น(ASP-EQLCR) ระหว่างวันที่ 12-17 กรกฎาคม 2555 ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐไทย ประมาณ 97% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมีเป้าหมายให้เงินลงทุนในส่วนนี้เติบโตเป็น 100% ของ NAV ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบอายุโครงการ และเงินลงทุนส่วนที่เหลือประมาณ 3% ของ NAV จะลงทุนในสัญญาออปชั่น ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาของ 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL), บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
ทั้งนี้ ในการจ่ายผลตอบแทนกองทุนมีเงื่อนไขว่า ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน 7% หากราคาปิดสิ้นวันของทั้ง 3 หลักทรัพย์ ณ วันครบกำหนด มากกว่า หรือ เท่ากับ ราคาปิดสิ้นวันของหลักทรัพย์นั้น ๆ ณ วันเริ่มลงทุน โดยกองทุนมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี แต่หากราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งต่ำกว่าวันเริ่มต้น ผู้ลงทุนจะได้รับเงินลงทุนเริ่มต้นคืนเต็มจำนวน
จากความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุน และทีมบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ ในด้านการบริหารเงินลงทุน และการคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า กองทุน ASP-EQLCR นี้ จะสามารถสร้างโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทน 7% ใน 1 ปี (หากราคาหุ้น 3 ตัวปรับตัวมากกว่า หรือเท่ากับราคาปิด ณ วันเริ่มลงทุน) ซึ่งเป็นผลตอบแทนเป้าหมายที่จูงใจผู้ลงทุน เมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี ที่ได้รับผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี โดยผู้ลงทุนไม่มีความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้น แต่ลุ้นเพียงผลตอบแทนเท่านั้น
นางลดาวรรณ กล่าวอีกว่า จากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย ทั้งปัญหาในกรีซ และภาคสถาบันการเงินในสเปน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกใช้มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จนส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูงจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ ธปท. จะดำเนินนโยบายในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 3% ในปีนี้ และจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
|
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
10 ก.ค. 2555 เวลา : 15:08:29
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น