บมจ. เอื้อวิทยา หรือ “UWC” เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 12 กรกฎาคม นี้ มูลค่าระดมทุน 179.09 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. เอื้อวิทยา (UWC) จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นลำดับที่ 2 ของปีนี้
UWC เป็นบริษัทย่อยของบริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN บริษัทดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตเสาโครงเหล็กชุบสังกะสี ประเภทเสาโครงเหล็กสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโครงเหล็กโทรคมนาคม เสาโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย และงานโครงเหล็กทั่วไป รวมถึงจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม
“ธุรกิจ ของ UWC มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนกิจการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านพลังงานและโทรคมนาคม จึงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตตามความต้องการใช้พลังงานและการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของประเทศ” นายชนิตรกล่าว
UWC มีทุนชำระแล้ว 350 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 250.504 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 99.496 ล้านหุ้น บริษัทฯเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยแบ่งเป็นเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ CEN (Pre-emptive Right) จำนวน 25.13 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 11-14 มิถุนายน 2555 และเสนอขายต่อประชาชน จำนวน 74.37 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 18 – 20 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ของบริษัทและเป็นเงินทุนหมุนเวียนโดยมีบริษัท หลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร UWC กล่าวว่า “การระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนใน การดำเนินธุรกิจของบริษัท และซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการรับจ้างผลิตเสาโครงเหล็กชุบสังกะสีภายในประเทศ ทั้งนี้ผลจากการทำ IPO ครั้งนี้ ทำให้ CEN ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน UWC ลงจาก 90.98% เป็น 65.12 % ซึ่งยังคงเป็นบริษัทย่อยของ CEN ต่อไป”
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ UWC 3 รายแรก ได้แก่ 1.บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 65.12 % 2. กลุ่มครอบครัวลีนะบรรจง ถือหุ้น 6.64 % และ 3.นายเดชขจร ธีรวิจารณญาณกุล ถือหุ้น 1.70 %
ราคา IPO ของ UWC ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 20.36 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจาก กำไรในปี 2554 ที่ 30.94 ล้านบาทหรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.09 บาท บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะกิจการ
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.uwc.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
ข่าวเด่น