นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 46(KTSUPB46) เสนอขายในวันที่ 11-17 กรกฎาคม 2555 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี เงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
KTSUPB46 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยกองทุนนี้จะลงทุนในเงินฝากประจำ Standard Chartered Bank (Hong Kong)Ltd., เงินฝากประจำ Union National Bank(UNB )และเงินฝากประจำ MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. (BRADES ) ในสัดส่วน 68% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารภาครัฐไทย เงินฝาก ตราสารการเงินระยะสั้น ธนาคารพาณิชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1(KTSIV3M1) ประเภท Roll Over เสนอขายถึงวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน ขายผ่านสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นมีแรงขายทำกำไรและจากการปรับพอร์ตการลงทุน ทำให้ปรับขึ้น 1–2 basis points (bp) ขณะที่ตราสารระยะยาวมีแรงซื้อโดยตราสารรุ่นอายุมากกว่า 10 ปี ปรับตัวลดลงพอสมควร 3–12 bp เนื่องจากการทยอยประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ที่แสดงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ในส่วนของประเทศไทย สำนักวิจัยต่างๆ เริ่มทยอยปรับลดการคาดการณ์อัตราการเติบทางเศรษฐกิจของปี 2555 ลงมาอยู่ในช่วง 5.0–5.5% ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากผลกระทบของภาคการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2555 เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำกว่า 3.00% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ทำให้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ในช่วง 3.0 – 3.5% ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี ซึ่งทำให้มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับ 3.0% ไปอย่างน้อยจนถึงปลายปี
ข่าวเด่น