นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า จากข่าวเรื่องที่มีการกล่าวว่า ลูกค้าของธนาคารที่มาเข้าร่วมโครงการพักหนี้ดีไม่เกิน 5 แสนบาท มีจำนวนน้อยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่สัญญาไว้กับทางการว่า ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการถูกบันทึกข้อมูลลงในเครดิตบูโรว่าเข้าร่วมโครงการพักหนี้ ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความกังวลว่าจะมีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อหากไปขอกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ “ต้องเรียนว่าความเข้าใจที่ถูกต้องคือการพิจารณาสินเชื่อตามมาตรฐานนั้นจะประกอบด้วย 3 เรื่องหลักคือ
การประเมินความสามารถในการชำระหนี้ การประเมินความตั้งใจในการชำระหนี้ และการประเมินหลักประกัน กรณีลูกค้าที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ดี ก็ระบุว่าเป็นหนี้ดี ไม่มีประวัติการค้างชำระและโครงการก็มีการให้สิทธิประโยชน์ด้านดอกเบี้ย อีกทั้งก็เป็นการบันทึกข้อมูลตามข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น มีการลงทะเบียนเป็นหลักฐาน หากจะขอสินเชื่อในครั้งต่อไปก็สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ท้ายสุดหากจะถูกอ้างด้วยเหตุผลแล้วไม่ให้สินเชื่อธนาคารที่กล่าวอ้างนั้น ต้องออกเป็นหนังสือเท่านั้น จะบอกโดยวาจาหรือแจ้ง SMS ไม่ได้ เพราะอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายที่กำหนดและมีโทษปรับเป็นเงินจำนวนที่สูง เครดิตบูโรไม่ทราบเหตุผลที่มีการยกเอาเครดิตบูโรมาอ้างบนผลงานที่ไม่เข้าเป้า แต่ทราบว่าจะมีการประชุมติดตามผลงานในวันอังคารนี้ ดังนั้นที่ถูกต้องจึงไม่ควรนำเรื่องรหัสสถานะบัญชี การพักชำระหนี้มาอ้างเป็นเงื่อนไข”
นอกจากนี้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตได้ประกาศ เรื่องรหัสสถานะบัญชี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 เพื่อให้การประมวลผลของบริษัทข้อมูลเครดิตและการส่งข้อมูลของสมาชิกเกี่ยวกับสถานะบัญชีของลูกค้าที่ขอสินเชื่อมีมาตรฐานและเป็นไปในแนวทางเดียวกันและเพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวสามารถแสดงสถานะทางการเงินของลูกค้าที่ขอสินเชื่ออย่างถูกต้องและชัดเจน อันจะเป็นการคุ้มครองมิให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และจะทำให้สมาชิกหรือผู้ใช้บบริการสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อและการออกบัตรเครดิตได้อย่างเหมาะสม โดยมีสาระสำคัญของรหัสสถานะบัญชีที่เกี่ยวกับโครงการชำระหนี้ดังนี้
เครดิตบูโรเห็นว่าเรื่องรหัสสถานะบัญชี ดังกล่าวจะช่วยลูกหนี้ให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้นเพราะเงื่อนไขในการพักชำระหนี้เดิมนั้นมีรหัสเดียวไม่มีการแบ่งออกมาเป็นแต่ละกรณี บางโครงการให้กู้เพิ่มไม่ได้ บางโครงการให้ได้ การไม่แยกแยะให้ชัดเจนจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดของผู้ปฏิบัติงาน และเพื่อมิให้ลูกหนี้เสียโอกาสในการเข้าถึงหรือขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของบริษัทในระหว่างที่ได้รับการพักชำระหนี้
ข้อมูลสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2643-1250 อีเมล consumer@ncb.co.th หรือเว็บไซต์เครดิตบูโร www.ncb.co.th
ข่าวเด่น