"กรุงศรีกรุ๊ป" รายงานผลประกอบการไตรมาสสองปีนี้ เติบโตต่อเนื่องมีกำไรสุทธิ 3.72 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ และเติบโต 25% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.3% คิดเป็นมูลค่า 43.5 พันล้านบาท โดยสินเชื่อรายย่อเพิ่มขึ้น 12% จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมากในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ขณะสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 2.9% ของสินเชื่อทั้งหมด ผลจากการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างได้ผล
มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป (บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทในเครือ) กล่าวว่า ธนาคารได้บรรลุก้าวย่างทางธุรกิจที่สำคัญในไตรมาสสอง ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางและความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ ตลอดจนการลงทุนในด้านต่างๆ ของธนาคารในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งได้ส่งผลเชิงรูปธรรมที่ชัดเจน ทั้งนี้ยอดสินทรัพย์รวมของธนาคารและบริษัทในเครือได้เติบโตขึ้นเป็นกว่า 1 ล้านล้านบาทเป็นครั้งแรก โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นถึง 6.3% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ขณะเดียวกันคุณภาพของพอร์ทสินเชื่อได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 18.1% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารลดลงมาอยู่ที่ 2.9%
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงมีมุมมองต่อการเติบโตของธุรกิจเป็นเชิงบวกสำหรับครึ่งหลังของปีนี้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ ทั้งนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่าการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ที่ 11% ตามเป้าที่ตั้งไว้ แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจอาจต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
อนึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีสินเชื่อรวม 757 พันล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1,035 พันล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 16.0% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 11.5%
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) สำหรับไตรมาส 2/2555
• การเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ: เพิ่มขึ้น 6.3% คิดเป็นมูลค่า 43.5 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือเพิ่มขึ้น 15.5% คิดเป็นมูลค่า 98.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
• สินเชื่อด้อยคุณภาพ: ลดลง 18.1% มาอยู่ที่ 24.2 พันล้านบาท จาก 29.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.9% ของสินเชื่อรวมซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ปี 2536
• กำไรสุทธิ: 3.72 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากไตรมาส 1/2555 หรือ 24.6% จากไตรมาส 2/2554
• ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.39% ในช่วงไตรมาส 2/2555
• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 49.35% จาก 49.41% ณ สิ้นไตรมาส 1/2555
• สัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 129% จาก 106% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554
• รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น 13.5% จากไตรมาส 1/2555 หรือ 15.6% จาก
ไตรมาส 2/2554
• การเติบโตของเงินฝาก: เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 61.9 พันล้านบาท หรือ 11% เมื่อเทียบกับ ณ
สิ้นเดือนธันวาคม 2554
• อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 16.0%
ข่าวเด่น