หลังจากกลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อความคืบหน้าด้านการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจของกรีซ ที่กรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยกรีซจะปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อแลกกับการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศต่อไป ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ที่ว่ากรีซจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ส่งผลต่อการซื้อขายของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ขานรับปรับตัวขึ้นยกแผง โดยเฉพาะตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดเมื่อคืนปรับตัวขึ้น 21.34 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 13,117.51 จุด ,ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 3.24 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,394.23 จุด, ดัชนีแนสแดกเพิ่มขึ้น 22.01 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 2,989.91 จุด  และตลาดหุ้นในยุโรป ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 266.80 จุด ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 6,918.72 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,401.56 จุด เพิ่มขึ้น 27.37 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,808.77 จุด เพิ่มขึ้น 21.49 จุด
 
ทั้งนี้ กลุ่มทรอยก้าได้สรุปผลการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกรีซครั้งล่าสุดว่า กรีซมีความคืบหน้าในการหาแนวทางปรับลดงบประมาณ ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรับเงินช่วยเหลือครั้งต่อไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟเปิดเผยว่า กลุ่มทรอยก้าจะเดินทางกลับไปยังกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ อีกครั้งในช่วงต้นเดือนก.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกรีซ

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานและดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000-150,000 ตำแหน่ง และดัชนีภาคบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 52.0