สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +10.48 จุด รับตัวเลขศก. US ดีเกินคาด

แม้หุ้นไทยจะมีความผันผวนจากแรงขายทำกำไรระหว่างวัน แต่ยังแกว่งตัวในแดนบวก กรอบ 1201-1209 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับขึ้น ขานรับตัวเลขศก. US ที่ดีเกินคาด ทั้งการจ้างงานนอกภาคเกษตร และ ISM ภาคบริการเดือน ก.ค.  ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จำนวน 820 ลบ.

ทิศทางตลาดวันนี้ : ขึ้นกรอบแคบ หลังนายกฯเยอรมันหนุนแผนECB

หุ้นโลกเมื่อคืนขยับขึ้นอีกเล็กน้อย หลังนายกฯ เยอรมันสนับสนุนแผน ECB ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรในตลาดแรก นอกจากนี้บจ.ในสหรัฐฯ ยังมีผลกำไรดีกว่าคาดด้วย  แม้บรรยากาศตลาดหุ้นตปท.ยังเป็นบวกอยู่ในระยะสั้น แต่เรามอง SET จะแกว่งขึ้นไม่มาก เพราะยังต้องติดตามตัวเลขศก.ในฝั่งยุโรป ซึ่งยังมีทิศทางที่อ่อนแออยู่ และวันนี้ (7 ส.ค.) หุ้นใหญ่อย่าง PTTGC, TOP จะประกาศงบ Q2 รวมทั้ง SRICHA ด้วย  มอง SET แกว่งขึ้นในกรอบแคบ มีแนวต้าน 1210-1215 ระหว่างวันมีแรงขายทำกำไร แนวรับ 1200-1202

กลยุทธ์การลงทุน : SET เหนือ 1210 แบ่งขายทำกำไร อ่อนลงซื้อ

เรามองกรอบการขึ้นของ SET ยังจำกัดที่ PBV 2.14-2.16 เท่า (หรือคิดเป็น SET ที่ระดับ 1220-1230) เทียบกับปัจจุบันที่ 2.12 เท่า หาก SET ขึ้นเหนือ 1210 แนะทยอยขายทำกำไร รออ่อนตัวลงเลือกซื้อหุ้น (1) หุ้นงบดี ADVANC, INTUCH, THCOM, CPALL, ROBINS, TUF, CENTEL, MINT, BTS, SPCG, SIRI, SRICHA (2) หุ้นลุ้นรีบาวด์ตามราคาน้ำมัน อาทิ กลุ่มพลังงาน (BANPU, PTTEP, TOP) และปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) (3) หุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวก คือ BFIT, ESSO, JAS, SITHAI

หุ้นเด่นเล่นสั้น : JAS, SITHAI

JAS – งบ Q2 น่าจะดีขึ้นมาก YoY และทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ มีกำไรสุทธิราว 480-500 ลบ. จากการเติบโตของธุรกิจอินเตอร์เน็ต ล่าสุดกระทรวง ICT จะขยาย Free Wi-Fi เป็น 2 แสนจุดภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ 7.6 หมื่นจุด น่าจะเป็นผลดีต่อ JAS บริษัทเพิ่งสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืนไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 55 รวม 106 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 298 ลบ. หากบริษัทตัดหุ้นที่ซื้อคืนไปเลย (เหมือนที่ผ่านๆ มา) จะทำให้กำไรต่อหุ้นสูงขึ้น เป็นผลดีต่อการประเมินมูลค่าเหมาะสมจากปัจจุบันที่ 3.5 บ. (CONSENSUS)

SITHAI – เรามองงบ Q2 น่าจะยังโตขึ้น YoY ขณะที่ผู้บริหารส่งสัญญาณเชิงบวกกับงบ Q3 จะโตก้าวกระโดดทั้งรายได้และกำไร จากการปรับราคาขายขึ้น 10%, คำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่อง และปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงมากขึ้น เช่น ขวดพลาสติก กล่องอาหาร ส่งผลให้บริษัทเตรียมงบ 200 ลบ. ขยายโรงงานที่เวียดนามในต้นเดือน ส.ค. นี้ บริษัทคาดรายได้ปีนี้ทะลุ 7.8 พันลบ.เป็นอย่างน้อย และคาดอีกด้วยว่า กำไรปีนี้โตไม่น้อยกว่า 20% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 283 ลบ. ปันผลดีสม่ำเสมอ yield ราว 6-7% มูลค่าเหมาะสม 20.4 บ. (CONSENSUS)

ปัจจัยติดตาม
                                                                                                                       
7 ส.ค. ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานของเยอรมันในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ของอิตาลีในไตรมาส 2/55 (เบื้องต้น)
8 ส.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสเปนในเดือน มิ.ย.
 ตัวเลขดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.