ตลาดหุ้นต่างประเทศสำคัญปิดตลาดเมื่อคืนล้วนปรับตัวสูงขึ้นกันถ้วนหน้า โดยดัชนีดาวโจนส์ บวก 51.09 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 13,168.60 จุด ,ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 7.12 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 1,401.35 จุด,ดัชนีแนสแดก บวก 25.95 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 3,015.86 จุด,ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 268.80 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส บวก 51.72 จุด ปิดที่ 3,453.28 จุด,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน บวก 49.23 จุด ปิดที่ 6,967.95 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน บวก 32.47 จุด ปิดที่ 5,841.24 จุด

โดยตลาดหุ้นสำคัญดังกล่าว ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และรัฐบาลของประเทศอื่นๆ ในยุโรปจะใช้มาตรการเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี  ส่งสัญญาณว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องยูโรโซน ส่งผลให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ที่ออกมาเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ยุโรปจะแตกสลาย หากไม่มีการดำเนินการเร่งด่วนกว่านี้ เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000-150,000 ตำแหน่ง และดัชนีภาคบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 52.0

ขณะที่การเพิ่มขึ้นของดัชนีในตลาดหุ้นยุโรป ที่ปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ ยังได้รับแรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการบริษัทเอกชนหลายแห่งที่แข็งแกร่ง รวมถึงบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่อย่างเอ็กสตราต้า ปัจจัยดังกล่าวช่วยชดเชยข่าวด้านลบของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ที่สำนักงานบริการการเงินของรัฐนิวยอร์กเตือนว่าอาจจะเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารในรัฐนิวยอร์กของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด จากกรณีที่ธนาคารปกปิดการทำธุรกรรมวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ ที่อาจเกี่ยวข้องกับอิหร่านและขัดต่อกฎหมายของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุด หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 16% และแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อในภาคการผลิตของเยอรมนีหดตัวลง 1.7% ในเดือนมิถุนายน และสำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี (Istat) เผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เบื้องต้นของอิตาลีปรับตัวลง 0.7% ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2555  และเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2554 เศรษฐกิจอิตาลีหดตัวลง 2.5%