ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดวันอังคารที่ 14 สิงหาคม บวก 4.82 จุด หรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.40% ดัชนีที่ 1,224.19 จุด ดัชนีปรับสูงสุด 1,224.19 จุด ต่ำสุด 1,223.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,484.42 ล้านบาท โดยตลาดหุ้นเช้านี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ขณะที่ตลาดหุ้นแนสแดกของอเมริกาที่ปิดตลาดเมื่อคืน บวก 1.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.05% ดัชนีที่ 3,022.52 จุด ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปิดตลาดลดลง 38.52 จุด หรือเปลี่ยนแปลง - 0.29% ดัชนีที่ 13,169.43 จุด และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดลดลง 1.76 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.13% ดัชนีที่ 1,404.11 จุด
เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากทางการญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงในไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัวน้อยเกินคาดในปีนี้ โดยขยายตัวที่ 1.4% ต่อปี และขยายตัว 0.3% เป็นรายไตรมาส ซึ่งแม้จะทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.2% เป็นรายปี และขยายตัว 0.6% เป็นรายไตรมาส
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอเมริกายังได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ประกาศลดการประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2555 ลงเหลือ 7.7% จากระดับ 8% และบาร์เคลย์ส อินเวสต์เมนท์ แบงก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีถึง 8.1% โดยบาร์เคลย์คาดว่ารัฐบาลจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากยอดส่งออกเดือนก.ค.ของจีนเพิ่มเพียง 1.0% ชะลอลงหลังจากที่การส่งออกพุ่งขึ้น 11.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.7% หลังจากดีดตัวขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.ค.ของจีนร่วงลงสู่ระดับ 2.51 หมื่นล้านดอลลาร์ หรืออยู่ที่ระดับ 3.17 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป คือ สถานการณ์เดิมๆในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรป รวมถึงรอดูตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ
ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
โดยวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,212 จุด และแนวต้านที่ 1,228 จุด
ข่าวเด่น