เคทีซีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2555 เท่ากับ 86 ล้านบาท โต 71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยพอร์ตลูกหนี้รวม 41,557 ล้านบาท จากฐานสมาชิกรวม 2.14 ล้านบัญชี ผลจากการลดต้นทุนการดำเนินงาน การปรับฐานสมาชิกบัตรเครดิตที่ไม่มีการใช้จ่าย และการบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คุณภาพพอร์ตลูกหนี้ดีขึ้น เผยแผนการตลาดครึ่งปีหลังเข้มข้น รุกฐานสมาชิกบัตรเครดิตระดับกลางถึงบน สินเชื่อพร้อมใช้ และการตลาดออนไลน์ มั่นใจผลประกอบการรวม 9 เดือนสะสมเป็นบวก
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศไทย มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง จากการขยับตัวของธนาคารพาณิชย์ที่เข้ามารุกธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตเติบโตที่ประมาณ 10% โดยสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ขยายตัวได้มากกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ 11% และ 9% ตามลำดับ ในขณะที่ธุรกิจสินเชื่อบุคคลเติบโตได้ดีถึง 16% โดยธนาคารพาณิชย์ขยายตัวได้มากกว่าสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่ 35% และ 8% ตามลำดับ”
“สำหรับผลการดำเนินงานของเคทีซีในช่วงไตรมาส 2 ถือว่าน่าพอใจ โดยสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามแผนนโยบายของบริษัทฯ ในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในหลายด้าน และการควบคุมบริหารจัดการหนี้ก่อนจะเป็นหนี้เสีย เพื่อป้องกันมิให้เกิดอัตราการค้างชำระสินเชื่อเพิ่มขึ้น รวมทั้งการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลปรับลดลงอย่าง เห็นได้ชัด เราจึงเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 จะแสดงผลกำไร และสามารถลบล้างผลขาดทุนที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปีได้ทั้งหมด และทำให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนสะสมของปีนี้จะเป็นบวก”
“ทั้งนี้ ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 46,073 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 41,557 ล้านบาท ลดลง 6% จาก 44,016 ล้านบาท ณ ไตรมาสเดียวกันของ ปีก่อนหน้า ฐานสมาชิกรวม 2.14 ล้านบัญชี ประกอบด้วย บัตรเครดิต 1,552,487 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 29,739 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” เท่ากับ 588,577 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 11,518 ล้านบาท เป็นต้น”
“บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของปี 2555 เท่ากับ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% จากช่วงเดียวกันของปี 2554 รายได้รวมอยู่ที่ 3,085 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 3,153 ล้านบาท โดยที่รายได้ดอกเบี้ยรับ (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ เท่ากับ 1,968 ล้านบาท 793 ล้านบาท และ 324 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมภาษีเงินได้) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 5% จาก 3,059 ล้านบาท อยู่ที่ 2,918 ล้านบาท หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ
มีจำนวน 793 ล้านบาท ลดลง 30% จาก 1,131 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากประสิทธิภาพของการติดตามหนี้และการปรับกระบวนการดำเนินคดีให้เร็วขึ้น ทำให้จำนวนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้ธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของพอร์ตรวมลดลง”
“ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 เท่ากับ 53.1% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งมีค่าเท่ากัน ที่ 46.4% เป็นผลจากการใช้กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านนโยบายลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้นำงานหลายส่วนที่เคยใช้บริการจากภายนอกกลับเข้ามาดำเนินการเอง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น”
“สำหรับสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2555 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) ทั้งสิ้น 26,510 ล้านบาท ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ไม่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นปีที่ 13.6% แม้ว่าต้นทุนเงินทุนของบริษัทฯ จะสูงขึ้นจาก 4.94% เป็น 5.13% แต่บริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มรายได้ดอกเบี้ยรับรวมเฉลี่ยสูงขึ้นจาก 18.56% เป็น 18.78% ทำให้สามารถคงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ทั้งนี้ อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 8.5 เท่า ลดลงจากไตรมาสแรกที่ 8.7 เท่า และยังต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนของการออกหุ้นกู้ที่ต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ไม่เกิน 10 เท่า”
“ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2555 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นโปรแกรมการตลาดในเชิงรุกอย่างได้ผล เพื่อเข้าถึงกลุ่มสมาชิกบัตรเครดิตระดับกลางซึ่งเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และสมาชิกระดับบนซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดการ ใช้จ่ายผ่านบัตรและมีความสามารถในการชำระสูง รวมทั้งจะให้บริการทางการเงินผ่านการตลาดออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงจะมุ่งเน้นการจัดลอยัลตี้ โปรแกรม ด้วยการกระตุ้นใช้คะแนนสะสมอย่างต่อเนื่องและเห็นผล พร้อมทั้งเพิ่มจุดรับแลกคะแนนสะสมให้มากขึ้นครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนเพิ่มคุณค่าการใช้คะแนนสะสมแทนเงินสด นอกจากนี้ ในส่วนของสินเชื่อพร้อมใช้ บริษัทฯ จะร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย ในการหาลูกค้าใหม่ผ่านช่องทางสาขาของธนาคาร เพื่อขยายฐานลูกค้าที่เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจมากขึ้นอีกด้วย” นายระเฑียรกล่าวปิดท้าย
ข่าวเด่น