นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผย (เมื่อ 20 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกที่ธนาคารเปิดให้ลูกค้ายื่นคำร้องขอใช้เงินกู้ในโครงการบ้าน ธอส.เพื่อผู้ประสบอุทกภัย (ซอฟต์โลนน้ำท่วม) วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 % นาน 5 ปีว่า  มีลูกค้ามารอใช้บริการตั้งแต่เวลา 04.00 น. และเมื่อเปิดดำเนินการในเวลา 08.00 น. ผ่านไป 3 ชั่วโมงแรกพบว่า มีประชาชนยื่นขอกู้เป็นวงเงินถึง 9.5 พันล้านบาท  จนถึงเวลา  16.30 น. ธอส.สำนักงานใหญ่  รับเรื่องกู้ไว้เกือบ 2,000 ราย วงเงินมากกว่า 5,000 ล้านบาท และยังมีประชาชนยื่นรอเข้าคิวอยู่ที่สำนักงานใหญ่เกือบ 1,000 คน คาดว่ายอดรวมจากสำนักงานสาขาของ ธอส.ทั่วประเทศ น่าจะเต็มวงเงิน 20,000 ล้านบาท และอาจทะลุไปถึง 25,000 ล้านบาท

นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังต้องรอยอดจองจากสาขาในต่างจังหวัดด้วย และจะนำลูกค้าเดิมที่เคยยื่นขอกู้ไว้ในรอบแรกแต่ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้จำนวน 5 พันล้านบาทเข้ามาพิจารณาในรอบนี้ด้วย

โดยหลังจากที่ ธอส.รับเอกสารของผู้กู้มาแล้วจะทยอยพิจารณาตามคิวที่ยื่นไว้กับ ธอส.   หากเอกสารครบ ก็พร้อมที่จะปล่อยกู้และทำนิติกรรมต่อไป แต่หากเอกสารไม่ครบ จะเรียกรายชื่อในลำดับถัดไปขึ้นมาพิจารณาแทน เพื่อความรวดเร็ว แต่หากเอกสารยังไม่พร้อมตามระยะเวลาที่ธนาคารนัดหมายอีก ก็จำเป็นต้องตัดสิทธิ์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ เข้ามาใช้สิทธิ์ในโครงการดังกล่าว ซึ่งวิธีการนี้ทำให้ ธอส.สามารถเปิดวงเงินกู้ได้ถึง 25,000 ล้านบาท แต่หากเรียกทำสัญญาครบ 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 5,000 ล้านบาท ก็จะถูกตัดสิทธิ์ไป อย่างไรก็ตาม หากวงเงิน 20,000 ล้านบาท ในรอบที่ 2 นี้ยังไม่เพียงพออีก จะรายงานให้กระทรวงการคลังรับทราบ เพื่อขอวงเงินกู้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ โครงการบ้าน ธอส.-ธปท. เพื่อผู้ประสบอุทกภัย จะปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่ประสบอุทกภัยให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ไถ่ถอน ชำระหนี้ที่อยู่อาศัย ซื้ออุปกรณ์และลดดอกเบี้ย โดยมีวงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี นาน 5 ปีแรก หลังจากนั้น กรณีลูกค้าสวัสดิการคิดอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) ลบ 1% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไปคิดอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ลบ 0.50% ต่อปี โดยสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2556 ขณะที่ล่าสุดยอดที่ยื่นขอกู้เต็มวงเงินแล้ว