นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำของ กฟผ. หลังจากที่มีฝนตกหนัก ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น กำแพงเพชร พิจิตร และลำปาง เขื่อนภูมิพลได้กักเก็บน้ำเพื่อช่วยบรรเทาสภาพน้ำท่วมด้านท้ายเขื่อนในจังหวัดทางตอนล่าง ส่วนในลุ่มน้ำยม ซึ่งไม่มีอ่างเก็บน้ำช่วยรองรับน้ำด้านบนที่ไหลมาจาก เชียงใหม่ และ น่าน จึงมีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำยมโดยตรง จนทำให้มีน้ำกัดเซาะใต้ดินคันกั้นน้ำบริเวณเทศบาลเมือง จังหวัดสุโขทัย จึงทำให้เกิดน้ำท่วมตัวเมืองสุโขทัย และพื้นที่การเกษตร
นายกิตติ กล่าวว่า เขื่อนภูมิพลมีการเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ฝนตกหนักไว้แล้ว จึงลดการระบายน้ำลงเหลือเพียงวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภคและบริโภคเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อบรรเทาน้ำที่ไหลลงสู่ลุ่มน้ำปิงตอนล่าง ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมีปริมาตรน้ำในอ่าง 7,211 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 54 ของความจุ ยังมีความจุสามารถรองรับน้ำได้อีก 6,251 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ ได้หยุดการระบายน้ำ ในวันที่ 10-11 ก.ย. 55 เพื่อให้น้ำจากแม่น้ำยมผันลงสู่แม่น้ำน่านโดยสะดวก ปัจจุบันเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำในอ่าง 5,884 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 62 ของความจุ ยังมีความจุสามารถรองรับน้ำได้อีก 3,626 ล้าน ลบ.ม.
“เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ทำหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำ บรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำปิง น่าน อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนในลุ่มน้ำวังและยม ซึ่งไม่มีแหล่งกักเก็บรองรับน้ำ จึงเป็นอุปสรรคอย่างมากเมื่อเกิดฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 เขื่อนใหญ่ กฟผ. ได้ช่วยลดและหยุดการระบายน้ำ เพื่อให้สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักได้คลี่คลายโดยเร็ว " นายกิตติกล่าว
ข่าวเด่น