ผลสำรวจ " เศรษฐกิจเยอรมนีแย่ ฉุดราคาน้ำมัน"

เวสต์เท็กซัสส่งมอบ พ.ย. ลดลง 0.96 เหรียญฯ ปิดที่ 91.93 เหรียญฯ และเบรนท์ส่งมอบ พ.ย. ลดลง 1.61 เหรียญฯ ปิดที่ 109.81  เหรียญฯ

- ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนี (IFO business climate) เดือน ก.ย. ปรับลดลงเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2553 ที่ 101.4 ลดลงจาก 102.3       ในเดือน ส.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 102.5 แสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นของบริษัทต่างๆ ในเยอรมนีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป

 - ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของเยอรมนีส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับลดลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นอกเหนือจากนั้นความไม่แน่นอนของการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินของสเปนและผลการตรวจสอบสถานะการเงินของกรีซโดย EC/ECB/IMF มีส่วนช่วยกดดันค่าเงินยูโรด้วย

- ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของไนจีเรียในเดือน พ.ย. คาดว่าจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 2.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 2.05 ล้านบาร์เรลฯ ในเดือน ต.ค. เนื่องจากแหล่งขุดเจาะเกือบทั้งหมดของประเทศเดินกำลังการผลิตเกือบสูงสุด

- ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่านักวิเคราะห์คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบ      คงคลังสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ที่ 1.4 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ปรับขึ้นถึง 8.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการผลิตจากบริเวณอ่าวเม็กซิโกฟื้นตัวจากผลกระทบของพายุไอแซก

+ อย่างไรก็ตามข้อพิพาทระหว่างอิหร่านและอิสราเอลในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ส่งผลต่อความกังวลในการผลิตน้ำมันดิบจากภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยผู้นำทางทหารระดับสูงอิหร่านได้กล่าวว่าจะไม่เป็นผู้เริ่มทำสงคราม แต่หากแน่ใจว่าอิสราเอลจะโจมตี ประเทศของตนก็พร้อมที่จะเป็นผู้รุกก่อน

+ สหรัฐฯ พิจารณาออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อธนาคารต่างชาติที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน หรือ National Iranian Oil Company (NIOC) เนื่องจาก NIOC มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังผู้พิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม หรือ Islamic Revolutionary Guard Corps (IRGC) ซึ่งได้ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรในเรื่องการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเพิ่มเติมจากเวียดนามและแอฟริกา

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค แต่ยังคงมีแรงหนุนจากกำลังซื้อจากเวียดนาม

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 105 - 115 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 85 - 95 เหรียญฯ  

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่

วันอังคาร: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ

วันพุธ: ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ

วันพฤหัสฯ: จีดีพีไตรมาส 2/2555 (final) ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ยอดขายสินค้าคงทน และยอดขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรป

วันศุกร์: รายรับ-รายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนีภาคการผลิตของเมืองชิคาโก และความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ

วันเสาร์: ดัชนีภาคการผลิตจีน (HSBC PMI)

- ซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าพร้อมจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการและมีความพยายามที่จะลดราคาน้ำมันให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับที่กลุ่มโอเปกเห็นว่าเหมาะสมที่ 100 เหรียญฯ

- ความเป็นไปได้ของแผนการปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์โดยสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเพื่อบรรเทาราคาน้ำมันแพง

- สเปนจะขอความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรปหรือไม่และด้วยเงื่อนไขใด ซึ่งจะนำไปสู่การที่ธนาคารกลางยุโรปจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสเปน  โดยสเปนกล่าวว่าจะจัดทำแผนปฏิรูประบบการคลังให้แล้วเสร็จในวันที่ 28 ก.ย. นี้

- EU/IMF จะตัดสินใจว่าจะมีการผ่อนปรนเงื่อนไขของแผนช่วยเหลือหนี้กรีซหรือไม่และอย่างไรในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. นี้ ขณะที่รัฐมนตรีการคลังของยุโรปจะประชุมกันอีกครั้ง    ในวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งจะมีการพูดคุยในเรื่องสถานะการเงินและการคลังของกรีซ  หลังได้รับรายงานการตรวจสอบจาก EC/ECB/IMF แล้วในช่วงปลายเดือนนี้

- สถานการณ์ที่ชาวมุสิมออกมาประท้วงและบุกทำลายสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อประท้วงภาพยนตร์ออนไลน์ที่ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

- ปัญหานิวเคลียร์อิหร่านที่ยังคงยืดเยื้อ โดยสำนักงานพลังงานปรมาณูสากลเรียกร้องขอตรวจสอบฐานทัพ พาร์คิน ที่คาดว่าเป็นที่พัฒนอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่อังกฤษกดดันให้สหภาพยุโรปเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน